คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 7(2) ระบุ บุคคลที่เป็นคณะกรรมการโดยมิได้มีข้อความให้อำนาจบุคคลอื่นทำการแทน ดังนั้นกรรมการคนใดคนหนึ่งจะมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นมาประชุมแทนในฐานะกรรมการตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ดังกล่าวย่อมเป็นไปตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับ 218 ข้อ 44 วรรคสอง(ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น) ซึ่งบัญญัติให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดำรงตำแหน่งนั้นสามารถมอบหมายหรือมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้โดยให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอำนาจ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเช่าที่ดินที่ตำบลบางหักอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี จากส. เพื่อทำนา ต่อมาส.ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านโดยไม่ได้แจ้งการขายให้ผู้ร้องทราบตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 53 ผู้ร้องร้องต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลบางหัก ซึ่งได้วินิจฉัยให้ผู้คัดค้านขายที่ดินที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องในราคา 100,000 บาท ผู้คัดค้านไม่พอใจจึงอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดชลบุรี ซึ่งได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องซื้อที่ดินที่พิพาทในราคา104,000 บาท ผู้คัดค้านเพิกเฉยต่อคำวินิจฉัยดังกล่าว ขอบังคับให้ผู้คัดค้านโอนขายที่ดินที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องในราคา 104,000 บาท
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การประชุมของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดชลบุรีไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากนายอุทัย มั่นถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีนายสาโรจน์ สลิลศิริ นางฐานะ แก้วเกษม และนายปราโมทย์ นพศิริผู้เข้าร่วมประชุมไม่ได้เป็นคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผู้คัดค้านจึงไม่ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการดังกล่าว ขอให้ผู้ร้องซื้อที่ดินที่พิพาทคืนจากผู้คัดค้านในราคา 300,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้คัดค้านทำนิติกรรมโอนขายที่ดินที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องในราคา 104,000 บาท
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 7(2) ระบุบุคคลที่เป็นคณะกรรมการโดยมิได้มีข้อความให้อำนาจบุคคลอื่นทำการแทนและตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 เรื่องระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อ 44 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทน ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นมอบหมายหรือมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอำนาจ” และวรรคสามบัญญัติว่า “ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่อย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนทำหน้าที่กรรมการหรือมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้นในระหว่างที่รักษาราชการแทนหรือปฏิบัติราชการแทนด้วยแล้วแต่กรณี” และข้อ 54 ให้นำข้อความในข้อ 44 มาใช้แก่ผู้รักษาราชการแทนและผู้ทำการแทนในส่วนของการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคหมวดจังหวัดด้วย ดังนั้นแม้พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 9 จ. จะไม่ได้ระบุผู้ทำการแทนไว้จึงต้องนำประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 44 วรรคสองวรรคสาม และข้อ 54 ดังกล่าวมาใช้บังคับ ซึ่งตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดชลบุรีที่ผู้คัดค้านอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ระบุว่า นายอุทัยมั่นถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายสาโรจน์ สลิลศิริ เจ้าพนักงานที่ดิน 4 แทนที่ดินจังหวัดชลบุรี นางฐานะ แก้วเกษม เจ้าหน้าที่บริหารงานการเกษตร 6แทนเกษตรจังหวัดชลบุรี นายปราโมทย์ นพศิริ รองอัยการจังหวัดชลบุรีแทนอัยการจังหวัดชลบุรี จึงเป็นการแสดงว่ากรรมการผู้ดำรงตำแหน่งนั้น ๆ ได้มอบอำนาจให้บุคคลดังกล่าวมาประชุมแทนอันถือได้ว่าเป็นการทำการแทนนั่นเอง การประชุมดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน

Share