แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้ฟ้องผู้กู้เงินจากโจทก์ร่วมในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 หากแต่ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐานยักยอก ซึ่งปัญหานี้โจทก์ร่วมมิได้มีส่วนร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่อย่างใด โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องทุกข์ และพนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 191,310 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางรัตนาภรณ์ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 1 ปี และให้จำเลยคืนเงิน 191,310 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องผู้กู้เงินจากโจทก์ร่วมในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พุทธศักราช 2475 หากแต่ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดยักยอก ซึ่งข้อหานี้โจทก์ร่วมมิได้มีส่วนร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่อย่างใด โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องทุกข์และพนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพิพากษาใหม่ เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี