คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติอันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 อาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาท โดยไม่จำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยก็ได้
โจทก์ฟ้องคณะกรรมการบริหารสมาคม 14 คนเป็นจำเลย ขอให้จำเลยเพิกถอนมติที่ฝ่าฝืนข้อบังคับ โดยระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารกิจการตามข้อบังคับ จำเลยได้ลงมติฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคม อันเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสมาชิกสมาคม ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้รับผิดชอบกิจการของสมาคมให้เพิกถอนมติโดยฝ่าฝืนข้อบังคับได้ หาจำต้องฟ้องสมาคมด้วยไม่
โจทก์คณะกรรมการบริหารสมาคมแม้คำขอของโจทก์ระบุเจาะจงให้จำเลยเพิกถอนมติก็ตาม แต่สภาพแห่งฟ้องการบังคับอาจไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 ก็บัญญัติให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสียโดยไม่ต้องบังคับให้บุคคลใดเพิกถอน ดังนั้น ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนมติของสมาคมโดยไม่ได้บังคับจำเลยได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นสมาชิกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่ประเทศไทย มีข้อบังคับสำหรับสมาคมหลายอย่างหลายประการดังปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้อง และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางระเบียบการต่าง ๆ เท่าที่ไม่ขัดกับตัวบทข้อบังคับของสมาคม
จำเลยเป็นกรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยจำเลยที่ ๑ เป็นนายกสมาคม คณะกรรมการบริหารสมาคมดังกล่าวมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมตามข้อบังคับที่ ๒๔ และ ๓๒ ข.
การประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๑๙ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ ที่ ๑๒ สมคบกันมีมติเป็นเสียงข้างมาก ให้สมาชิกที่ขาดจากสมาชิกภาพแล้ว ตามประกาศของสมาคมเนื่องจากค้างชำระค่าบำรุงเกินกว่าข้อบังคับกำหนดให้ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องขาดจากสมาชิกภาพ เพื่อให้ได้สิทธิต่าง ๆ เช่นการออกเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ และได้รับสิทธิด้านสวัสดิการต่าง ๆ เป็นมติที่ขัดต่อข้อบังคับของสมาคมที่ ๑๐, ๑๑, ๑๕, ๑๘, ๑๙ จ., ๒๕ และ ๒๗ จึงขอให้จำเลยเพิกถอนมติให้สมาชิกที่ขาดสมาชิกภาพแล้วตามประกาศของสมาคมผ่อนผันไม่ต้องขาดจากสมาชิกภาพ เพื่อให้ได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามข้อบังคับของสมาคมที่ขัดต่อข้อบังคับของสมาคม
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ ที่ ๑๓ ที่ ๑๔ ให้การต่อสู้คดีในประเด็นหลายประการ ส่วนจำเลยที่ ๕ ที่ ๑๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ และจำเลยที่ ๘ ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนมติการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมครั้งที่ ๒/๒๕๑๙ วันอังคารที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๑๙ ที่มีมติให้ผ่อนผันค่าบำรุงแก่สมาชิกได้ตามสมควรโดยให้อยู่ในดุลพินิจของเลขาธิการ
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ และที่ ๑๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าการฟ้องขอให้เพิกถอนมติของสมาคม จำต้องฟ้องสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นนิติบุคคลอีกผู้หนึ่งต่างหากจากจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยเป็นส่วนตัวได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า การฟ้องขอให้เพิกถอนมติของสมาคมจำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๒๙๑ บัญญัติว่า “ถ้าสมาคมลงมติโดยฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมเองก็ดี หรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายก็ดี เมื่อสมาชิกคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการร้องขอ ท่านให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสีย ฯลฯ ” บทบัญญัติมาตรา ๑๒๙๑ ดังกล่าว เมื่อเทียบกับกรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ อันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๙๕ แล้ว ปรากฏว่า กฎหมายสองมาตรานี้บัญญัติข้อความทำนองเดียวกัน กรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๙๕ นั้น ศาลฎีกาเคยพิพากษาไว้เป็นแบบอย่างแล้วว่า อาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทก็ได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องเป็นคดีมีข้อพิพาท เมื่อมีการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท กรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดหรือทั้งหมดซึ่งมีส่วนได้เสียในผลของการประชุมใหญ่นั้นย่อมมีสิทธิร้องคัดค้านเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘ สิทธิที่จะคัดค้านใช่จะมีอยู่แต่เฉพาะบริษัทซึ่งมีการประชุมใหญ่เท่านั้นไม่ ปรากฏตามพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๓๗/๒๕๑๔ คดีระหว่างพันตำรวจตรีมงคล นุตประพันธ์ โจทก์ บริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด จำเลย นางภิรมย์ กมลงาม กรรมการผู้จัดการกับพวก ผู้ร้องสอดตามนัยคำพิพากษาฎีกาดังกล่าว ศาลฎีกาจึงเห็นว่า กรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนอนุมัติอันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๑ ก็อาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทโดยไม่จำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยก็ได้เช่นกัน คดีนี้โจทก์มิได้เริ่มต้นคดีด้วยการร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาท แต่ฟ้องร้องเป็นคดีมีข้อพิพาทโดยฟ้องคณะกรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ทั้ง ๑๔ คนเป็นจำเลย และขอให้จำเลยเพิกถอนมติที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมนั้นเสีย ตามคำฟ้องระบุว่าจำเลยทั้ง ๑๔ คนโดยตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะระบุว่าจำเลยที่ ๑ เป็นนายกสมาคม และได้ระบุว่าคณะกรรมการคณะกรรมการบริหารทั้ง ๑๔ คน มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมตามข้อบังคับที่ ๒๘ และ ๓๒ ข. ทั้งได้ระบุด้วยว่า คณะกรรมการบริหารสมาคมชุดนี้อันประกอบด้วยจำเลยทั้ง ๑๔ คน ได้ลงมติเสียงข้างมากโดยฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมอีกด้วย อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสมาชิกของสมาคม โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง ๑๔ คนในฐานะที่จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้รับผิดชอบกิจการของสมาคม ให้เพิกถอนมติโดยฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมได้ โจทก์หาจำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยด้วยไม่ที่ศาลอุทธรณ์พากษายกฟ้องโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์จำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับคดีจำเลยเป็นส่วนตัวได้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
ในชั้นศาลอุทธรณ์ปรากฏว่า จำเลยอุทธรณ์ข้อเดียวว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอของโจทก์เท่านั้น ส่วนคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่ว่า มติคณะกรรมการบริหารสมาคมที่ให้ผ่อนผันค่าบำรุงแก่สมาชิกเป็นการขัดต่อระเบียบข้อบังคับของสมาคมนั้น จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้าน คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้นจึงเป็นอันยุติ สำหรับปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอของโจทก์นั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวน ในปัญหาข้อนี้จำเลยกล่าวในคำฟ้องอุทธรณ์ว่า คำขอของโจทก์ระบุเจาะจงให้จำเลยเพิกถอนมติ แต่ศาลชั้นต้นกลับพิพากษาให้เพิกถอนมติของสมาคมซึ่งเป็นบุคคลอีกคนหนึ่งต่างหากจากตัวจำเลย จึงเป็นการเกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คำขอของโจทก์ระบุเจาะจงให้จำเลยเพิกถอนมติก็ตาม แต่สภาพแห่งการบังคับอาจไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนมตินั้นเสีย โดยไม่ต้องบังคับจำเลยก็ได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๑ ก็บัญญัติให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสียโดยไม่ต้องบังคับให้บุคคลให้เพิกถอน ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนมติของสมาคมโดยไม่ได้บังคับจำเลย จึงไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share