แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลสั่งห้ามมิให้ผู้แพ้คดีชำระเงินแก่ผู้ชนะคดีและให้นำไปวางแก่เจ้าพนักงานโดยคำร้องของเจ้าหนี้ผู้ชนะคดีคนหนึ่ง ภายหลังผู้แพ้คดีนำเงินไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของผู้ชนะคดีเสียเองดังนี้ เจ้าหนี้ของผู้ชนะคดีคนอื่นจะขอให้ลูกหนี้ชำระหนี้ซ้ำอีกไม่ได้ เพราะคดีไม่เข้าประมวลแพ่ง ม.319 และวิธีพิจารณาความแพ่ง
ย่อยาว
เดิมศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินแก่โจทก์ นางประกอบกับนางถวิลซึ่งเป็นเจ้าหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคนละสำนวนได้ยื่นคำร้องขอสวมสิทธิ์ของโจทก์เพื่อบังคับคดี และนางประกอบกูลร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลแพ่งสั่งห้ามมิให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่ให้นำไปชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ต่อมาจำเลยนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้สองคนนั้นเสียเอง แล้วแถลงให้ศาลทราบและขอถอนการยึดทรัพย์ ศาลแพ่งสั่งถอนการยึดทรัพย์เสร็จไปแล้ว นายเชียดผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ๕๐,๐๐๐ บาทเศษ ขอเข้าสวมสิทธิ์โจทก์เพื่อบังคับให้จำเลยชำระหนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๓๑๙ โดยอ้างว่าการที่จำเลยชำระหนี้ไปนั้นผิดคำสั่งศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยใช้เงินต่อโจทก์ก็เพื่อให้นางถวิลและนางประกอบกูลได้รับชำระหนี้ และการที่ศาลสั่งให้นำเงินไปวางแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็เป็นวิธีการบังคับชำระหนี้โดยเจ้าพนักงานผู้บังคับคดีเป็นผู้แทนผู้มีสิทธิ์จะได้ ฉะนั้นผู้มีสิทธิ์และหน้าที่อาจตกลงกันได้ ผู้ร้องจะเถียงว่าผิดสิทธิ์และหน้าที่ไม่ได้ และรูปคดีไม่เข้า ป.พ.พ.ม.๓๑๙ เมื่อเช่นนี้คดีจึงไม่ต้องด้วยวิธีพิจารณาแพ่งที่ผู้ร้องอ้าง จึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย