แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างขับรถยนต์ ถือได้ว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้ประจำรถตามความในมาตรา 92 (1) แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งตามความหมายของมาตรา 23 แม้รถที่จำเลยขับมิได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งจากนายทะเบียน จำเลยก็ไม่มีความผิด
ตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 รถที่ใช้ในการขนส่งต้องเป็นรถที่ได้มีการเสียภาษีตามมาตรา 85 แล้ว หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 148 รถคันเกิดเหตุไม่ได้เสียภาษีรถประจำปี จำเลยเป็นผู้ขับและนำไปใช้ขณะเกิดเหตุ การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นความผิดตามมาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมิได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางจากนายทะเบียน ได้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางโดยนำรถยนต์บรรทุกดินไปตามถนนสายหล่มสัก สระบุรี และจำเลยได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาใช้ โดยมิได้ผ่านการตรวจสภาพ มิได้จดทะเบียนและเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓, ๗๑, ๗๓, ๘๕, ๑๒๖, ๑๔๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษข้อหาประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง โดยไม่รับอนุญาตและข้อหาใช้รถไม่เสียภาษีประจำปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ทั้งไม่มีหน้าที่ในการชำระค่าภาษีรถยนต์ อันจะเป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ในประเด็นข้อแรกว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่งอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓ หรือไม่ ตามมาตรา ๒๓ ได้บัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก หรือการขนส่งส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน เห็นว่ารถคันดังกล่าว เป็นรถที่นำเข้าร่วมในการประกอบการขนส่ง ซึ่งนางจงจิตร นาคสุทธิ เป็นผู้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคล จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว ถือได้ว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้ประจำรถตามความในมาตรา ๙๒ (๑) ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งตามความหมายของมาตรา ๒๓ จึงไม่มีความผิด ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนปัญหาข้อที่ว่า จำเลยนำรถที่ใช้ในการขนส่งที่ไม่ได้เสียภาษีรถประจำปีไปใช้จะมีความผิดหรือไม่นั้น เห็นว่า รถที่ใช้ในการขนส่ง นอกจากนั้นจะต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบคุมถูกต้อง ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกับได้จดทะเบียนตามมาตรา ๗๓ แล้ว ต้องเป็นรถที่ได้มีการเสียภาษีถูกต้องตามาตรา ๘๕ ด้วย จึงจะนำไปใช้ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา ๗๑ หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษดังที่บัญญัติไว้ ตามมาตรา ๑๔๘ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไม่ได้เสียภาษีรถประจำปี จำเลยเป็นผู้ขับและนำไปใช้ขณะเกิดเหตุ การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ใช้บังคับและห้ามไว้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดในข้อหาฐานนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ว่าไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๑, ๑๔๘