คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมที่จะนำมาฟ้องคดีนั้นอาจเกิดขึ้นในขณะกู้ยืมเงินกันหรือภายหลังจากนั้นก็ได้ ฉะนั้นคำให้การที่จำเลยเบิกความเป็นพยานไว้ในคดีอาญาด้วยความสมัครใจจึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์รวม3 ครั้งเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท 30,000 บาท และ 50,000 บาทตามลำดับ ตกลงจะให้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีและกำหนดชำระต้นเงินคืนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2524 แต่การกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าว มิได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกันไว้แต่จำเลยก็ยอมรับและลงลายมือชื่อไว้ในบันทึกคำให้การ พยานโจทก์ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3069/2526 หมายเลขแดงที่ 1412/2527 ของศาลอาญาธนบุรีระหว่างนางสายพิณ อันอมร โจทก์ นายบรรลือ กิจกำธร จำเลย ว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปเป็นเงินจำนวน 90,000 บาท จำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ความจริงโจทก์กับจำเลยตกลงร่วมกันลงทุนโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินจำนวน 90,000 บาท ให้จำเลยนำไปให้บุคคลอื่นกู้ยืมโดยเรียกดอกเบี้ย ไม่ใช่เป็นเรื่องการกู้ยืมเงิน แม้จะเป็นเรื่องกู้ยืมเงินโจทก์ก็ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีเอาจากจำเลยได้เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยเป็นสำคัญ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1 จำเลยไม่รับรองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก โจทก์แถลงหมดพยาน จำเลยแถลงขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานจำเลยโดยชอบแล้วไม่เตรียมพยานมา จึงต้องถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 90,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน90,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าเอกสารหมาย จ.7 ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้หรือไม่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก บัญญัติว่า”การกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่” ศาลฎีกาเห็นว่าหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมที่จะนำมาฟ้องคดีนั้นอาจเกิดขึ้นในขณะกู้ยืมเงินกันหรือภายหลังจากนั้นก็ได้ สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยคำให้การพยานที่จำเลยเบิกความไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 1412/2527 ของศาลอาญาธนบุรีเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม คำให้การพยานเอกสารหมาย จ.7 ดังกล่าวซึ่งจำเลยให้การด้วยความสมัครใจเอง จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยได้ เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้เงินกู้ยืม จำเลยต้องรับผิดใช้คืนแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share