คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยจุดไฟเมื่อเวลาประมาณ10.00นาฬิกาแต่เพลิงได้ลามไปไหม้บ้านบุคคลอื่นซึ่งปลูกอยู่ใกล้เคียงกันตอนบ่าย3โมงระยะเวลาห่างกันหลายชั่วโมง แสดงว่าไม่มีลักษณะที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นแต่เป็นเรื่องที่จำเลยตั้งอยู่ในความประมาทไม่คอยควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัดเพลิงจึงได้ลามเข้าไปยังนาข้างเคียงและก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามป.อ.มาตรา220ดังกล่าวแล้วก็ไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรานี้อันเป็นบทหนักได้การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องขาดความระมัดระวังจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นความผิดตามมาตรา225.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจจุดไฟเผาฟางต้นข้าวในนาของจำเลยแล้วไฟได้ลุกลามไปไหม้โรงเรือนและทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคสอง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา220 วรรคสอง จำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 จำคุก 2 ปี ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษแก่จำเลยด้วยนั้น ตามรูปคดีทรัพย์สินของผู้เสียหายเสียหายไปถึงหนึ่งหมื่นบาทจึงไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยจุดไฟเมื่อเวลาประมาณ 10.00 นาฬิกาแต่เพลิงไหม้ลามไปไหม้บ้านนายเสอเมื่อตอนบ่ายสามโมงและไหม้บ้านนายประวงซึ่งปลูกอยู่ใกล้เคียงกัน ระยะเวลาที่จำเลยจุดไฟจนถึงเวลาที่บ้านผู้เสียหายถูกเพลิงไหม้ห่างกันหลายชั่วโมง แสดงว่าโดยเหตุผลทั่วไปไม่มีลักษณะที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นแต่เป็นเรื่องที่จำเลยตั้งอยู่ในความประมาท ไม่คอยควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัด เพลิงจึงได้ลามเข้าไปยังนาข้างเคียงและก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้น เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ดังกล่าวแล้ว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรานี้อันเป็นบทหนักได้… การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องขาดความระมัดระวังจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามมาตรา 225 โดยตรง…
สำหรับฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น พิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยตลอดจนความสูญเสียที่ผู้เสียหายทุกคนได้รับรวมกันแล้ว เห็นว่ายังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.”

Share