คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องว่า ทรัพย์ที่ฟ้องทั้งหมดอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แม้โจทก์จะรับว่าทรัพย์ที่ฟ้องเป็นทรัพย์มรดกของพี่ชายโจทก์ซึ่งมีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายเจ้ามรดกก็ตาม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันตัดกุญแจ 1 ดอกซึ่งใส่ไว้ที่ประตูห้องถ่ายรูป ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แล้วบุกรุกเข้าไปในห้องถ่ายรูปนั้น ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์ เพื่อการครอบครองและรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวของโจทก์โดยปกติสุข และจำเลยร่วมกันลักพัดลมฉากกั้นสำหรับถ่ายรูป และตู้บรรจุอุปกรณ์การถ่ายรูปซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 358, 362, 364, 365, 83

ก่อนไต่สวนมูลฟ้อง ทนายโจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์เป็นน้องร่วมบิดามารดากับนายวิรัตน์ แซ่หวู ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วทรัพย์ต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดนี้เป็นทรัพย์มรดกของนายวิรัตน์ แซ่หวู โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายวิรัตน์แซ่หวู มีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวนและวินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่เจ้าของทรัพย์หรือเจ้าของรวมในทรัพย์ที่ฟ้อง และมิได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์มรดก โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (4) ผู้เสียหายไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่อ้างว่าจำเลยบุกรุกทำให้เสียหาย และลักเอาไปนั้น ตามคำบรรยายฟ้องและตามที่โจทก์แถลง ถ้าเป็นจริงโจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งหรือพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share