แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำพิพากษาตามยอมจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องปฏิบัติชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1 และโจทก์รับว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวครบถ้วนแล้วตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดสุโขทัย เอกสารท้ายคำแถลงที่ยื่นต่อศาลแรงงานภาค 6 เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันปฏิบัติชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีหนี้ที่จะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้อีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานภาค 6 มีคำพิพากษาตามยอมว่าจำเลยทั้งสามยอมร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงิน 3,000,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 รับผิดเป็นเงิน 2,000,000 บาท และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันรับผิดเป็นเงิน 1,000,000 บาท และจำเลยทั้งสามจะร่วมกันผ่อนชำระให้เป็นรายเดือน ทุกวันสิ้นเดือน เดือนละ 21,000 บาท แต่ทั้งนี้จำเลยทั้งสามจะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ครบ 2,000,000 บาท ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2549 นี้ ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอให้ศาลแรงงานภาค 6 ออกหมายบังคับคดี อ้างว่าจำเลยทั้งสามผิดนัดชำระหนี้ ศาลแรงงานภาค 6 ออกหมายบังคับคดีโดยให้จำเลยทั้งสามปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานภาค 6 งดการบังคับคดี (ที่ถูกน่าจะเป็นเพิกถอนหมายบังคับคดี) เพราะจำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำนวน 1,000,000 บาท ครบถ้วนแล้ว
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันรับผิดเป็นเงิน 1,000,000 บาท เป็นข้อตกลงระหว่างจำเลยทั้งสาม โจทก์ไม่มีเจตนาตกลงด้วย และให้ศาลบังคับคดีจำเลยที่ 2 และที่ 3
ศาลแรงงานภาค 6 มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่ออกหมายบังคับคดีจำเลยทั้งสามเป็นออกหมายบังคับคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยว่า ที่ศาลแรงงานภาค 6 มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่ออกหมายบังคับคดีจำเลยทั้งสามเป็นออกหมายบังคับคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามคำพิพากษาตามยอมจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องปฏิบัติชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1 และโจทก์รับว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวครบถ้วนแล้วตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 25 ธันวาคม 2552 ของศาลจังหวัดสุโขทัย เอกสารท้ายคำแถลงที่ยื่นต่อศาลแรงงานภาค 6 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันปฏิบัติชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีหนี้ที่จะบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้อีก ที่ศาลแรงงานภาค 6 มีคำสั่งมานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน