แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำกัดที่ฮ่องกงมีมติให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2495 ส่วนสาขาในประเทศไทยได้จดทะเบียนเลิกกิจการเมื่อ พ.ศ.2496 ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวต้องถือว่า สาขาในประเทศไทยยังคงดำเนินกิจการในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทจำกัดที่ฮ่องกงนั้นอยู่ ถ้าเป็นเวลาก่อนที่สาขาในประเทศไทยได้ไปจดทะเบียนเลิกกิจการ นายจูกงซี ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากบริษัทที่ฮ่องกงให้เป็นผู้จัดการสาขาในประเทศไทยก่อนบริษัทเลิกและให้ชำระบัญชี ย่อมมีอำนาจโดยสมบูรณ์ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ในฐานะยังเป็นตัวแทนของบริษัทจำกัดที่ฮ่องกงนั้นอยู่
แต่ถึงแม้ว่าในขณะที่นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้ภายหลังที่สาขาในประเทศไทยได้เลิกกิจการไปแล้ว อันเป็นผลให้การยื่นคำขอรับชำระหนี้ของนายจูกงซีเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจเพราะเหตุที่บริษัทจำกัดที่ฮ่องกงได้เลิกกิจการและตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นแล้วด้วยก็ดี แต่ผู้ชำระบัญชีก็ได้มีหนังสือแต่งตั้งให้นายจูกงซีมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทซ้ำมาอีก เป็นการให้สัตยาบันแก่การที่นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลแพ่งจะได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ คำขอรับชำระหนี้ของนายจูกงซีย่อมไม่เสียไป
ย่อยาว
เนื่องจากศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นรายงานต่อสาลว่า บริษัทเทียนหย่วนฯ โดยนายจูกงซีและนายชินขอรับชำระหนี้ 592,589.73 บาท ซึ่งผู้ล้มละลายยังมิได้ชำระไม่มีผู้คัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่าบริษัทเจ้าหนี้ที่ฮ่องกงเลิกบริษัทและตั้งนายเชนวิกิงกับนายยุงลกเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกันและแทนกัน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2495 ซึ่งเป็นเวลาก่อนศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ถึง 15 เดือนเศษ แต่นายยุงลกผู้ชำระบัญชีคนหนึ่งเพิ่มมอบอำนาจแต่งตั้งนายจูกงซีเพื่อดำเนินการเป็นตัวแทนของบริษัทเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2498 พ้นระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้แทนบริษัทเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2496 ก่อนได้รับมอบอำนาจจากผู้ชำระบัญชี จึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้แทนบริษัทเจ้าหนี้ ยื่นเข้ามาโดยปราศจากอำนาจตามกฎหมายควรยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้
ศาลแพ่งสั่งว่า เห็นชอบด้วยความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คือให้ยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้เสีย
บริษัทเทียนหยวนฯ เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้บริษัทจะได้เลิกและตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว ต้องถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีและผู้ชำระบัญชีก็ได้ทำหนังสือแต่งตั้งมอบอำนาจให้นายจูกงซีเป็นตัวแทนซ้ำมาอีกก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นและศาลแพ่งมีคำสั่ง จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลแพ่งให้ศาลแพ่งวินิจฉัยประเด็นเรื่องหนี้สินแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วได้ความว่า บริษัทเทียนหย่วนฯ จำกัด ที่ฮ่องกงได้มีมติให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชี เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2495 ส่วนสาขาในประเทศไทยตามคำพยานว่าได้ไปจดทะเบียนเลิกกิจการเมื่อ พ.ศ. 2496 วันเดือนใด จำไม่ได้ ฉะนั้น ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว ต้องถือว่าสาขาในประเทศไทยยังคงดำเนินกิจการในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเทียนหย่วนฯ จำกัด ในระหว่างชำระบัญชีของบริษัทนั้นอยู่ เรื่องนี้นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2496 ซึ่งถ้าเป็นเวลาก่อนที่สาขาในประเทศไทยได้ไปจดทะเบียนเลิกกิจการที่กระทรวงเศรษฐการ นายจูกงซีก็ย่อมมีอำนาจโดยสมบูรณ์ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะยังเป็นตัวแทนของบริษัทเทียนหย่วนฯ จำกัด แต่ถึงแม้ว่า ในขณะที่นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้ สาขาในประเทศไทยจะได้เลิกกิจการไปแล้ว อันเป็นผลให้การยื่นคำขอรับชำระหนี้ของนายจูกงซีเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจเพราะเหตุที่บริษัทเทียนหย่วนฯ จำกัด ได้เลิกกิจการและตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นแล้วก็ดี แต่ผู้ชำระบัญชีก็ได้มีหนังสือแต่งตั้งให้นายจูกงซีมีอำนาจกระทำแทนบริษัทซ้ำมาอีก อันเป็นการให้สัตยาบันแก่การที่นายจูกงซียื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลแพ่งจะได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ คำขอรับชำระหนี้ของนายจูกงซีจึงไม่เสียไป
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์