แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจจับเด็กเที่ยวเร่ร่อนตามหน้าที่ เด็กขอร้องให้จำเลยช่วยจำเลยถามว่าเป็นอะไรมาจับเด็กเมื่อตำรวจแสดงตัวว่าเป็นตำรวจแล้วจำเลยพูดว่า ขอได้ไหมอย่าจับเด็กนี้เลย ตำรวจจึงอธิบายให้ฟังว่าเป็นหน้าที่ จำเลยก็ยอมให้เอาตัวเด็กไป ดังนี้การกระทำของจำเลยหาเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่
การที่จำเลยเพียงถือขวดโซดาไว้ในมือ ไม่ได้ใช้ขวดโซดาจะตีหรือหยิบมีดมาจะทำร้าย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด (ฐานพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 295, 296, 80
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า คืนเกิดเหตุสิบตำรวจเอกสมจิตร ฮงคะนาคสิบตำรวจเอกทองลา สุวรรณประภา พลตำรวจไฉน ครุฑเกษ พลตำรวจวิชัยศรีแก้ว ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนได้จับกุมเด็กชายประไพ บุตรซิว อายุ 7 ปี ซึ่งเห็นว่าเป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด เพื่อนำไปสอบสวนส่งกรมประชาสงเคราะห์ตามหน้าที่ ณ ตลาดโต้รุ่งคลองเตย เด็กชายประไพขอร้องให้จำเลยช่วยจำเลยจึงถามเจ้าพนักงานเหล่านั้นซึ่งมิได้แต่งเครื่องแบบว่าเป็นไรจ่าสิบตำรวจสมจิตรตอบว่าเป็นตำรวจ และพลตำรวจไฉนได้ควักบัตรประจำตัวให้ดูแล้ว จำเลยได้พูดว่า ขอได้ไหม อย่าจับเด็กนี้เลยสิบตำรวจเอกทองลาก็อธิบายให้ฟังว่า เป็นหน้าที่ต้องเอาตัวไปสอบสวน จำเลยก็ยอมให้เอาตัวเด็กไป ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ กับอีกข้อหนึ่งว่า ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยเพียงถือขวดโซดาอยู่ในมือ มิได้ใช้ขวดโซดาจะตี และฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้หยิบมีดจะมาทำร้ายเจ้าพนักงาน (พลตำรวจไฉน ครุฑเกษ) ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยยังมิได้พยายามทำร้ายเจ้าพนักงานตามฟ้อง พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์