แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้แก่ผู้รับเงินตามเช็คไปโดยไม่ใช่เพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้รับเงินตามเช็คแต่มีข้อสัญญาว่าผู้รับเช็คจะนำเงินเข้าธนาคารให้ผู้สั่งจ่ายก่อนถึงกำหนดวันที่ตามเช็คเช่นนี้ กรณีระหว่างผู้สั่งจ่ายเช็ถกับผู้รับเงินตามเช็คโดยตรงจึงเป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทน ต้องบังคับตาม ป.พ.พ.ม.369
ทำลายเช็คแล้ว
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า เมื่อกลางเดือนตุลาคม ๒๔๙๔ จำเลยได้จ่ายเช็คฉบับหนึ่งสั่งธนาคารไทยพาณิชย์จำกัดให้จ่ายเงินหนึ่งแสนบาท เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เช็คลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๔ ครั้นวันที่ ๕ มกราคม ๒๔๙๕ โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินธนาคารปฏิเสธไม่จ่าย ซึ่งหมายความว่าไม่มีเงินพอจ่าย โจทก์ทวงถามจำเลยก็ผัดเรื่อยมา จึงขอให้จำเลยใช้เงินพร้อมทั้งค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้จ่ายเช็คให้โจทก์เพราะโจทก์ขอเพื่อจะนำเช็คของจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่ามีหลักฐานมีคนเชื่อถือไปซื้อสินค้า โจทก์จำเลยไม่เคยมีหนี้สินกัน โจทก์ว่าถึงวันกำหนดจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจะเอาเงินไปเข้าธนาคาร หลังจากวันครบกำหนดจ่ายเงินแล้ว โจทก์แจ้งว่าไม่ได้ใช่เช็คและว่า
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้ววินิจฉัยว่าตาม ป.พ.พ.ม. ๙๘๗ ประกอบด้วย ม.๙๘๙ และ ๙๑๔ จำเลยผู้ออกเช็คจำต้องรับผิดใช้เงินแก่ผู้ทรงในเมื่อเช็คถูกธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน การจ่ายเงินตามเช็คไม่จำต้องมีหนี้ต่อกัน ข้อแก้ตัวของจำเลยแม้เป็นความจริง ก็ชอบจะว่ากล่าวกันเป็นอีกกรณีหนึ่ง จึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทย์ฟ้องว่าจำเลยจ่ายเช็คให้เพื่อชำระหนี้ แต่จำเลยให้การว่ามิใช่เป็นการจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ แต่เป็นการจ่ายล่วงหน้าโดยอ้างว่าถึงวันกำหนดโจทก์จะนำเงินเข้าธนาคารให้ จำเลยจึงจ่ายเช็คให้ไป เป็นเรื่องต่างตอบแทนกันตาม ป.พ.พ.ม.๓๖๙ คดีนี้พิพาทกันระหว่างจำเลยผู้สั่งจ่ายกับโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ด้วยตามลักษณะสัญญาต่างตอบแทน จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองเสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่