คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12775/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายพิทักษ์กับพวกไปหาจำเลยที่บ้านร่วมดื่มสุราแล้วชวนไปเที่ยวงานวัดด้วยกันประมาณ 12 คน โดยนั่งตอนท้ายรถยนต์กระบะและอาวุธปืนของกลางอยู่ที่นายพิทักษ์เพียงผู้เดียว จนกระทั่งวันและเวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นพบอาวุธปืนของกลางบนพื้นถนนข้างรถยนต์กระบะดังกล่าว
พฤติการณ์ที่จำเลยรับอาวุธปืนของกลางจากนายพิทักษ์ แล้วส่งต่อให้เพื่อนไปโยนทิ้งทันที เป็นการที่จำเลยรับอาวุธปืนของกลางมาอยู่ที่จำเลยเพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเพื่อส่งต่อไปทันทีเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับนายพิทักษ์มีและพาอาวุธปืนของกลาง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 91, 32 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 12 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยไว้ในระหว่างฎีกา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงได้ความว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของนายพิทักษ์หรือมด นายพิทักษ์นำไปฝากนายนพพรหรือฮอล ไว้ก่อนเกิดเหตุ ครั้นวันที่ 21 มกราคม 2547 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา นายกฤษฎาหรือกอลฟ์ ชวนจำเลยไปเอาอาวุธปืนของกลางจากนายนพพร จากนั้นพากันไปพบนายพิทักษ์โดยนายนพพรเป็นผู้พาและมอบอาวุธปืนของกลางแก่นายพิทักษ์ แล้วร่วมกันตามหาผู้ที่มีเรื่องกับนายพิทักษ์ เมื่อไม่พบต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ต่อมาเวลาประมาณ 19 นาฬิกา นายพิทักษ์กับพวกไปหาจำเลยที่บ้านร่วมดื่มสุราแล้วชวนกันไปเที่ยวงานวัดรวมประมาณ 12 คน โดยนั่งตอนท้ายรถยนต์กระบะและอาวุธปืนของกลางอยู่ที่นายพิทักษ์เพียงผู้เดียว จนกระทั่งวันและเวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นพบอาวุธปืนของกลางบนพื้นถนนข้างรถยนต์กระบะคันดังกล่าว เห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกร่วมกันตามหาผู้ที่มีเรื่องกับนายพิทักษ์นั้นได้ขาดตอนลงแล้ว เมื่อตามหาไม่พบและต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน สำหรับการกระทำตามที่โจทก์ฟ้องนั้นข้อเท็จจริงได้ความว่า นายพิทักษ์กับพวกไปหาจำเลยที่บ้านร่วมดื่มสุราแล้วชวนกันไปเที่ยวงานวัดเท่านั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าได้มีการไปตามหาผู้ที่มีเรื่องกับนายพิทักษ์แต่อย่างใด ส่วนพฤติการณ์ที่จำเลยรับอาวุธปืนของกลางของเพื่อนเพื่อส่งต่อไปโยนทิ้งตามฎีกาของโจทก์นั้น เห็นว่า จำเลยรับอาวุธปืนของกลางมาอยู่ที่จำเลยเพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเพื่อส่งต่อไปทันทีเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับนายพิทักษ์มีและพาอาวุธปืนของกลาง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share