คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายระบุว่ามีคู่กรณี2ฝ่ายฝ่ายแรกคือโจทก์ทั้งสองฝ่ายหลังคือ ท. คู่กรณีได้ตกลงกันว่าฝ่ายหลังจะชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ฝ่ายแรกตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนดไว้หากฝ่ายหลังผิดสัญญาจำเลยทั้งสองจะเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน ในตอนท้ายของบันทึกดังกล่าวระบุต่อไปว่าคู่กรณีตกลงกันเป็นที่เข้าใจแล้วโจทก์ทั้งสองไม่ประสงค์ที่จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่ ท. ในข้อหาฉ้อโกงอีกต่อไปพร้อมกับลงชื่อโจทก์ทั้งสอง ท. จำเลยทั้งสองและพนักงานสอบสวนดังนี้จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้ค้ำประกันอันจะต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองในเมื่อ ท. ผิดสัญญาไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสอง บันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือที่จำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันไว้เป็นสำคัญในอันที่โจทก์ทั้งสองจะนำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา680วรรคสองเท่านั้นมิใช่ตราสารตามประมวลรัษฎากรมาตรา118จึง ไม่ต้องปิด อากรแสตมป์

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ชำระ เงิน จำนวน 82,000 บาทแก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 80,000บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า ได้ ลงชื่อ ใน บันทึก ข้อตกลง ตาม ฟ้องโจทก์แต่ บันทึก ดังกล่าว ไม่ปิด อากรแสตมป์ จึง ตกเป็น โมฆะ โจทก์ ทั้ง สองแจ้งความเท็จ ต่อ พนักงานสอบสวน กล่าวหา ว่า นาย เทพปัญญา ฉ้อโกง พนักงานสอบสวน และ โจทก์ ทั้ง สอง ได้ บีบคั้น ให้ นาย เทพปัญญา ได้รับ โทษ หนัก จำเลย ทั้ง สอง จึง ต้อง ยอม เสีย เงิน เพื่อ ปัดเป่า การ เสีย เวลา ของนาย เทพปัญญา ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน แก่ โจทก์ ที่ 1จำนวน 60,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปีของ ต้นเงิน ดังกล่าว นับแต่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2536 เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ และ ให้ ชำระ เงิน แก่ โจทก์ ที่ 2 จำนวน 20,000 บาทพร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 10,000 บาทนับ ตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม 2536 ถึง วันที่ 4 กรกฎาคม 2536 และ ในต้นเงิน 20,000 บาท นับ ตั้งแต่ วันที่ 5 กรกฎาคม 2536 เป็นต้น ไปจนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี คง มี ปัญหา ที่ จะ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกาจำเลย ประการ หลัง ว่า บันทึก ตกลง ชดใช้ ค่าเสียหาย ตาม เอกสาร หมาย จ. 1ซึ่ง จำเลย ทั้ง สอง ลงชื่อ เป็น พยาน และ ผู้ค้ำประกัน นั้น เป็น สัญญาค้ำประกัน อันเป็น ตรา สาร ที่ ต้อง ปิดอากรแสตมป์ ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 118 หรือไม่ เห็นว่า บันทึก ดังกล่าว ระบุ ว่า มี คู่กรณี 2 ฝ่ายฝ่าย แรก คือ โจทก์ ทั้ง สอง ฝ่าย หลัง คือ นาย เทพปัญญา ฉ่ำฉิมพลี คู่กรณี ได้ ตกลง กัน ว่า ฝ่าย หลัง จะ ชดใช้ ค่าเสียหาย คืน ให้ ฝ่าย แรกตาม จำนวนเงิน และ ระยะเวลา ที่ กำหนด ไว้ หาก ฝ่าย หลัง ผิดสัญญาจำเลย ทั้ง สอง จะ เป็น ผู้รับผิดชอบ ใน ฐานะ ผู้ค้ำประกัน ใน ตอนท้ายของ บันทึก ดังกล่าว ได้ ระบุ ต่อไป ว่า คู่กรณี ตกลง กัน เป็น ที่ เข้าใจ ดี แล้วโจทก์ ทั้ง สอง ซึ่ง เป็น คู่กรณี ฝ่าย แรก ไม่ประสงค์ ที่ จะ ให้ พนักงานสอบสวนดำเนินคดี แก่ นาย เทพปัญญา ใน ข้อหา ฉ้อโกง ทรัพย์ อีก ต่อไป พร้อม กับ ลงชื่อ โจทก์ ทั้ง สอง นาย เทพปัญญา จำเลย ทั้ง สอง และ พนักงานสอบสวน ดังนี้ จำเลย ทั้ง สอง จึง เป็น ผู้ค้ำประกัน อัน จะ ต้อง รับผิด ต่อ โจทก์ทั้ง สอง ใน เมื่อ นาย เทพปัญญา ผิดสัญญา ไม่ชำระ เงิน ให้ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง ตาม ที่ ระบุ ไว้ ใน บันทึก ตกลง ชดใช้ ค่าเสียหาย เอกสาร หมาย จ. 1 และ ถือได้ว่า บันทึก ดังกล่าว เป็น เพียง หลักฐาน เป็น หนังสือ ที่ จำเลย ทั้ง สองได้ ลงลายมือชื่อ ผู้ค้ำประกัน ไว้ เป็น สำคัญ ใน อัน ที่ โจทก์ ทั้ง สองจะ นำ มา เป็น หลักฐาน ฟ้องร้อง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่านั้นมิใช่ ตรา สาร ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 จึง ไม่ต้อง ปิดอากรแสตมป์ฎีกา จำเลย ทั้ง สอง ใน ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share