แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามข้อบัญญัติของ มาตรา 340 วรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น เพียงแต่จำเลยใช้ปืนยิงในการปล้น ก็เป็นกรณีเข้าอยู่ในวรรคนี้แล้วเพราะไม่มีข้อบัญญัติว่า การใช้ปืนยิงนั้นจะต้องทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแต่อย่างใด
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยกับพวกทำการปล้นทรัพย์ และกำลังพาทรัพย์หนีไป เจ้าทรัพย์ได้ติดตามจำเลยกับพวกไปติด ๆ กัน แล้วจำเลยกับพวกได้ยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 วางโทษจำคุก 20 ปีจำเลยรับสารภาพลดกึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี
เรื่องนี้จำเลยฎีกาว่า จำเลยกับพวกเพียงแต่ใช้ปืนยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์ภายหลังเหตุปล้นได้เกิดแล้ว และเจ้าทรัพย์มิได้รับอันตรายจากการใช้ปืนยิงของจำเลยกับพวก จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 4 และว่าจำเลยควรได้รับโทษในสถานเบา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อบัญญัติของ มาตรา 340 วรรค 4 นั้นเพียงแต่ใช้ปืนยิง ก็เป็นกรณีเข้าอยู่ในวรรคนี้ เพราะไม่มีข้อบัญญัติว่า การใช้ปืนยิงนั้น จะต้องทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแต่อย่างใด คดีนี้จำเลยกับพวกทำการปล้นทรัพย์และกำลังพาทรัพย์หนีไป เจ้าทรัพย์ได้ติดตามจำเลยกับพวกไปติด ๆ กัน แล้วจำเลยกับพวกได้ยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์ เห็นได้ว่า การปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน การที่จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์จึงได้ชื่อว่า จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงในการปล้นนั่นเอง ความผิดของจำเลยจึงเข้าอยู่ในวรรค 4 ของมาตรา 340 และคดีไม่มีทางลงโทษเบากว่าที่ศาลล่างกำหนดไว้ เพราะศาลล่างวางโทษในอัตราขั้นต่ำของกฎหมายและลดโทษให้จำเลยเต็มตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว