คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์จำเลยและคู่ความตกลงกันให้แก้แผนที่หลังโฉนดศาลได้จดข้อตกลงไว้ในรายงานพิจารณา และแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว โจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนานั้นโดยอ้างว่าโจทก์เข้าใจผิด หาได้ไม่ ไม่มีเหตุผลพอให้ถือได้ว่า เข้าใจผิด เพราะเป็นข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ดินที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั้นนั่นเอง
โจทก์ขอมาในฎีกาให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีก เมื่อปรากฎว่าศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก

ย่อยาว

กรณีนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งเดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยรายเดียวกันเป็น ๒ สำนวน ศาลพิจารณาพิพากษาคดี ๒ สำนวนนี้รวมกัน และได้มีการทำแผนที่วิวาท ศาลฎีกาได้พิพากษาโดยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๘๘-๑๕๘๙/๒๔๙๗ ว่า เขตติดต่อระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลยนั้น วัดจากหลักเขตที่ ๖๙๔๐๐ ลากเส้นตรงลงมาทางใต้จนถึงหลัก ล.ม.ที่ศาลฎีกาได้กากบาทสีแดงไว้ คือ โจทก์จำเลยมีที่ตามโฉนดด้านกว้างริมแม่น้ำฝ่ายละ ๑ เส้น
ศาลชั้นต้นได้แจ้งคำพิพากษาศาลฎีกาไปยังนายทะเบียนที่ดิน จังหวัดสมุทรสงครามและว่าคู่ความตกลงกันขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดและปักหลักเขตที่พิพาทตามที่ศาลฎีกาชี้ขาด
เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งขัดข้องมาว่า การดำเนินการในเรื่องนี้จำต้องดำเนินการแก้ไขรูปแผนที่ในที่ดินทั้งสองโฉนดด้วย จะเพียงแต่ขอให้ไปปักหลักอย่างเดียวไม่ได้ เป็นการขัดกับหลักการในเรื่องเขตโฉนดที่ดิน หากแนวเขตที่ครอบครองเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแผนที่หลังโฉนดเดิมจะเป็นโดยการครอบครองหรือศาลพิพากษาก็ตาม จะไปทำการปักหลักใดหลักหนึ่งแต่หลักเดียวไม่แก้รูปแผนที่นั้นเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานจำต้องขัดข้อง เพราะถ้าทำดังนี้แล้ว โฉนดที่ดินย่อมไม่เป็นหลักที่จะเชื่อถือได้
ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๓ พ.ค.๒๔๙๘ ว่าคู่ความตกลงกันต้องการให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาและยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการแก้แผนที่หลังโฉนดเพื่อให้ถูกต้องตรงกับการรังวัดใหม่และคำพิพากษาศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นแจ้งข้อตกลงนี้ไปยังเจ้าพนักงานที่ดินพร้อมทั้งคัดสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาส่งไปด้วย
ต่อมานายย้อยโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๓ ธ.ค.๒๔๙๘ ว่า ถ้อยคำบันทึกยอม+แผนที่หลังโฉนดนั้น เข้าใจผิด ไม่ได้ตั้งใจเจตนาจะให้แก้แผนที่หลังโฉนดเพราะโฉนดของโจทก์จำเลยรายนี้โจทก์ได้ซื้อมาจากจำเลย ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่หอทะเบียนแล้ว และจำเลยยังได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปสอบเขตก็รับกันว่าถูกต้องได้ปครอบครองมา ถ้าจะให้แก้แล้ว โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีกลับจะต้องยกที่ดินในโฉนดให้จำ+ จึงขอถอนคำแถลงตามรายงานเฉพาะที่ให้แก้แผนที่หลังโฉนดของโจทก์ที่เข้าใจตรงกับความตั้งใจนั้นเสีย ส่วนศาลจะสั่งให้เจ้าพนักงานหอทะเบียนรังวัดตามคำพิพากษาฎีกาอย่างไรนั้นไม่ขัดข้อง แต่โจทก์ขอสงวนสิทธิ ถ้ารังวัดรุกล้ำกินเข้าไปในที่ดินของโจทก์เกิดเสียหายขึ้นก็จะดำเนินคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ โดยให้เหตุผลว่า ที่โจทก์อ้างว่าโง่เขลาไม่+นั้น เป็นไปไม่ได้ การแก้แผนที่หลังโฉนดก็เพื่อให้เป็นไปตามที่ศาลฎีกาให้รังงวัดเขตที่ดินของคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษานั่นเอง โจทก์จะมาร้องขอให้เพิกถอน+พิจารณาที่โจทก์และจำเลยตกลงยอมตามนั้นแล้วไม่ได้ ทั้งจำเลยก็แถลงคัดค้าน ศาลยอมให้เพิกถอนสิ่งที่คู่ความตกลงยอมกระทำไปแล้วได้เรื่อย คดีนี้เป็นอันไม่ต้องกัน
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกาขอให้โจทก์ถอนข้อความที่เข้าใจผิด ยอมให้แก้แผนที่หลังนั้นเสีย และขอให้อธิบายเขตที่ดินให้แจ่มแจ้งเกี่ยวกับการบังคับคดีต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคู่ความตกลงให้แก้แผนที่โฉนด ศาลชั้นต้นแจ้งความตกยังเจ้าพนักงานที่ดินทราบ โจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนาเช่นนั้นต่อศาลนั้นไม่ ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์แถลงต่อศาลโดยเข้าใจผิดนั้น ไม่มีเหตุผลพอให้ถือได้ว่า+ผิด เพราะข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั่นเอง หาใช่แก้ไขให้ผิดไปจากคำชี้ขาดของศาลฎีกาไม่ คำชี้ขาดศาลฎีกาในเรื่องเขตโฉนดติดต่อกันนี้ ย่อมเด็ดขาดผูกพันโจทก์จำเลย ที่โจทก์ขอมาใน+ ให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีกนั้น ศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งแล้ว
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกคำร้องโจทก์

Share