คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิ่งของที่คนร้ายลักมาขายไว้ที่ร้านแห่งหนึ่ง แม้ร้านนั้นจะไม่ได้อยู่ในท้องตลาดก็ดีเมื่อผู้ซื้อได้ซื้อสิ่งของนั้นจากร้านนั้นโดยสุจริต แล้วขายต่อไปโดยสุจริตดังนี้ยังเรียกว่าผู้ซื้อทำละเมิดต่อเจ้าของสิ่งของนั้นมิได้
การที่ผู้ซื้อรับซื้อสิ่งของนั้นจากร้าน ซึ่งไม่ได้อยู่ในท้องตลาด ถ้าทรัพย์นั้นยังอยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ก.ม.ก็ให้เจ้าของใช้สิทธิติดตามเรียกเอาคืนได้โดยไม่ต้องใช้ราคาแต่เมื่อผู้รับซื้อ ซื้อไว้โดยสุจริตแล้วขายต่อไปแล้วโดยสุจริตสิ่งของนั้นจึงไม่ได้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อแล้ว เจ้าของก็จะเรียกให้ผู้รับซื้อชดใช้ราคาสิ่งของนั้นให้ตนไม่ได้
(ประชุมใหญ่)

ย่อยาว

คดีได้ความว่า มีคนร้ายลักสายพานของโจทก์ไปและนำไปขายไว้ที่ร้านไท้ฮวด ต่อมาจำเลยได้รับซื้อสายพานที่หายนี้ไว้ทั้งหมดแล้วจำเลยได้ขายสายพานบางส่วนให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ่ เป็นเงิน ๒๙๗๐ บาท
โจทก์ไปยึดสายพานรายนี้จากจำเลย และจากห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ้ จำเลยและห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ่ ได้ฟ้องโจทก์คนละสำนวน เรียกสายพานคืนจากโจทก์
คดีที่จำเลยฟ้องนั้น ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเพราะจำเลยไม่ได้ซื้อจากร้านในท้องตลาดตามกฎหมาย ส่วนคดีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยวไถ่ฟ้องนั้น โจทก์เห็นว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ่ซื้อจากจำเลยโดยสุจริต และร้านของจำเลยอยู่ในท้องตลาดจึงยอมคืนสายพานให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ่ไป
เฉพาะสายพานที่โจทก์ต้องคืนให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมุ่ยเซี่ยงไถ่นั้น โจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่โจทก์ เพราะจำเลยไม่มีสิทธิจเอาของโจทก์ไปขายจึงขอให้จำเลยใช้ราคาสายพานเป็นเงิน ๒๙๗๐ บาท
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒๙๗๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าการที่จำเลยรับซื้อสายพานรายนี้จากร้านไท้ฮวดโดยสุจริต แม้ว่าร้านไท้ฮวดจะไม่ได้อยู่ในท้องที่ตลาดก็ดี และจำเลยได้ขายต่อไปโดยสุจริต ดังนี้ ยังเรียกว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ เพราะจำเลยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายประการใดเลย การที่จำเลยรับซื้อจากร้านไท้ฮวดซึ่งไม่ได้อยู่ในท้องตลาดและถ้าทรัพย์นั้นยังอยู่ในความครอบครองของจำเลยกฎหมายก็ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิติดตามเรียกเอาคืนได้โดยไม่ต้องใช้ราคาเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดและทรัพย์นั้นก็ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย ซึ่งโจทก์จะใช้สิทธิติดตามได้แล้ว โจทก์ก็ไม่มีทางชนะคดี จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share