แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านขายที่ดินโฉนดเลขที่ 31186 ให้ผู้ร้องแล้ว โดยมิได้สนใจที่ดินพิพาทอีกแปลงหนึ่งของผู้คัดค้านซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 31186 อีกเลย คงปล่อยให้ผู้ร้องเข้าครอบครองโดยเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าบ้านที่ปลูกไว้ในที่ดินพิพาทรวมทั้งรื้อถอนบ้านเช่าออกไป แล้วถมดินปรับปรุงพื้นที่และปลูกสร้างอาคารอู่ซ่อมรถให้ผู้อื่นเช่าเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทติดต่อกันเรื่อยมาโดยผู้คัดค้านไม่เคยโต้แย้ง แม้ผู้คัดค้านได้นำเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาท แต่ก็เป็นการกระทำหลังจากที่ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยไม่คำนึงว่าผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริตหรือไม่ เพราะการได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์มิได้กำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการครอบครองโดยสุจริต
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 47304 ตำบลวังทองหลาง (ลาดพร้าว) อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 46 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 47304 ตำบลวังทองหลาง (ลาดพร้าว) อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 46 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสอง ให้ผู้ร้องทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนผู้คัดค้าน โดยกำหนดค่าทนายความรวม 20,000 บาท
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 31168 ตำบลลาดพร้าว อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 62 ตารางวา เดิมเป็นของผู้คัดค้าน ที่ดินด้านทิศตะวันตกจดกับที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 47304 ตำบลวังทองหลาง (ลาดพร้าว) อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 46 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินของผู้คัดค้านอีกแปลงหนึ่ง ที่ดินทั้งสองแปลงผู้คัดค้านได้ปลูกบ้านไม้แบ่งให้เช่ารวม 8 ห้อง ติดต่อกันเป็นรูปตัวแอล ผู้คัดค้านขายที่ดินโฉนดเลขที่ 31168 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้ที่ปลูกบนที่ดินให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง จากนั้นผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองที่ดินที่ซื้อจากผู้คัดค้านในทันที รวมทั้งครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ติดกันด้วย และภายหลังต่อมาผู้ร้องทั้งสองได้รื้อถอนบ้านไม้แบ่งให้เช่าออกจากที่ดินทั้งสองแปลง ถมดิน ปรับปรุงพื้นที่ แล้วปลูกสร้างอู่ซ่อมรถบนที่ดินทั้งสองแปลงให้ผู้อื่นเช่าประกอบกิจการ ต่อมาผู้คัดค้านไปยื่นคำขอสอบเขตที่ดินพิพาท และนำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัด แต่ผู้ร้องที่ 2 ไม่ยอมให้รังวัดสอบเขต อ้างว่าผู้ร้องทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องทั้งสองว่า ผู้ร้องทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ ฝ่ายผู้ร้องมีตัวผู้ร้องที่ 2 เบิกความว่า หลังจากซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 31168 แล้ว ผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองที่ดินรวมทั้งที่ดินพิพาทในทันที โดยเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าบ้านทั้ง 8 ห้อง เพราะเข้าใจว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 31168 หลังจากนั้นประมาณ 5 ถึง 6 เดือน จึงทราบว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านอีกแปลงหนึ่งนอกเหนือจากที่ขายให้ผู้ร้องทั้งสอง แต่ผู้ร้องทั้งสองยังคงครอบครองที่ดินพิพาทเรื่อยมา โดยประมาณปีที่ 5 ถึงปีที่ 6 ผู้ร้องทั้งสองเห็นว่าบ้านที่ปลูกให้เช่าทรุดโทรมจนไม่สามารถปรับปรุงได้แล้ว จึงรื้อถอนบ้านออกไปทั้งหมดแล้วถมดินปรับปรุงพื้นที่ และปลูกสร้างอาคารอู่ซ่อมรถให้ผู้อื่นเช่าประกอบกิจการโดยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของต่อเนื่องกันมารวมแล้วเป็นเวลากว่า 16 ปี โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ส่วนผู้คัดค้านนอกจากมิได้นำสืบโต้แย้งการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องทั้งสองแล้ว นายสมบูรณ์ บุตรชายผู้คัดค้านยังเบิกความว่า เมื่อเดือนเมษายน 2549 พี่ชายพยานได้นำโฉนดที่ดินพิพาทเลขที่ 47304 ที่เก็บรักษาไว้ไปให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดา ผู้คัดค้านไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใด จึงให้พยานตรวจสอบหาที่ตั้งของที่ดินพิพาท พยานไปสำนักงานที่ดินยื่นคำขอสอบเขตที่ดินและนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัด แต่ผู้ร้องทั้งสองไม่ยินยอมให้รังวัดที่ดินพิพาท เจือสมพยานหลักฐานของผู้ร้องทั้งสองให้เห็นว่า ตั้งแต่ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 31186 ให้ผู้ร้องทั้งสองแล้ว ผู้คัดค้านมิได้สนใจที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 31186 อีกเลย คงปล่อยให้ผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองโดยเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าบ้านที่ปลูกไว้ในที่ดินพิพาท รวมทั้งรื้อถอนบ้านเช่าออกไปแล้วถมดินปรับปรุงพื้นที่และปลูกสร้างอาคารอู่ซ่อมรถให้ผู้อื่นเช่าเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทติดต่อกันเรื่อยมาโดยผู้คัดค้านไม่เคยโต้แย้ง แม้ได้ความว่าผู้คัดค้านได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปเพื่อรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาท แต่ก็เป็นการกระทำหลังจากที่ผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว ผู้ร้องทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 โดยไม่คำนึงว่าผู้ร้องทั้งสองจะครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริตหรือไม่ เพราะการได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 มิได้กำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการครอบครองโดยสุจริตไว้ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสองโดยเห็นว่าผู้ร้องทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริตนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 47304 ตำบลวังทองหลาง (ลาดพร้าว) อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 46 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ