แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำกัดซึ่งตึ้งขึ้นตาม ก.ม.ต่างประเทศและได้กระทำกิจการในประเทศไทยด้วย จะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินปันผล โดยคิดเทียบส่วนยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายที่ได้จากกิจการในประเทศไทยกับยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายทั้งหมดเป็นเกณฑ์คำนวนว่าจะต้องแบ่งเงินปันผลทั้งหมดออกเป็นอัตราส่วนเท่าใดต่อเท่าใดแล้วใช้อัตราส่วนนี้แบ่งเงินปันผลออกเป็นเงินปันผลภายนอก และภายในประเทศเงินปันผลในประเทศที่คิดคำนวนได้นี้เท่านั้น เป็นเงินได้อันต้องประเมินเสียภาษีตาม ม.65
เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้เรียกเก็บภาษีจากผู้เสียภาษีเงินได้เกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติให้เรียกเก็บ ศาลพิพากษาให้เจ้าพนักงานนั้นคืนค่าภาษีที่เรียกเก็บไว้เกินไปศาลก็อาจพิพากษาให้เจ้าพนักงานประเมินนั้น เสียดอกเบี้ยในจำนวนภาษีที่เรียกเกินไปตามที่ผู้เสียภาษีได้ฟ้องขอให้บังคับได้
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า ตามงบดุลย์ของโจทก์ตั้งแต่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๑ ถึง ๓๐ มิถุนายน ๒๔๙๒ ปรากฎว่าเงินปันผลของโจทก์ทั้งในและนอกประเทศรวม ๒,๑๕๐,๐๐๐ บาท เงินปันผลนอกประเทศ ๒๙๖,๙๒๐ บาท+รายได้ทั้งสิ้นทั้งในและนอกประเทศ ๑,๒๔๘,๖๔๐ บาท รายได้นอกประเทศ ๑๗๒,๔๔๐ บาท รายได้นอกประเทศ ๑,๐๗๒,๒๐๐ บาท จำเลยได้ประเมินเก็บภาษีจากโจทก์ จากเงินปันผล นอกประเทศ ๒๙๖,๙๒๐ บาทเป็นเงิน ๕๙,๓๘๔ บาทด้วย ซึ่งโจทก์ไม่ควรตต้องเสีย โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ ๑ ๆ ก็ยกอุทธรณ์เสีย จึงขอให้จำเลยทั้งสองคืนเงินที่เกินให้โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้การคำนวนเรียกเก็บภาษีเป็นการถูกต้องแล้วโจทก์ทำกิจการเมืองแร่และมีเงินได้จากกิจการแร่ในประเทศไทยเท่านั้น
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดตั้งขึ้นตาม ก.ม.สหรัฐมลายูสำนักงานใหญ่อยู่ในมลายู ส่วนที่จังหวัดพังงาเป็นสาขา บริษัทโจทก์ทำกิจการเหมืองแร่ด้วยและทำกิจการอื่น ๆ ด้วยเงินได้รายนี้เกิดจากการทำเหมืองแร่และกิจการอื่น นอกประเทศด้วย ฉะนั้นการเรียกเก็บภาษีย่อมตต้องคิดเทียบส่วนเงินได้นอกประเทศตามประมวลรัษฎากร ม.๖๗ จึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน ๕๙,๓๘๔ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ เพราะไม่ใช่เจ้าพนักงานประเมิน คงให้จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวคืนเงินและเสียดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เงินจำนวน ๒๙๖,๙๒๐ บาท ซึ่งระบุว่าเป็นเงินปันผลนอกประเทศนั้น เป็นจำนวนผลลัพที่คิดคำนวณตาม ม.๖๗ คือเทียบยอดเงินได้จากกิจการในประเทศก่อนหักรายจ่ายกับยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายทั้งหมด เมื่อเทียบเป็นส่วนเท่าใดให้คำนวณเงินได้ต้องเสียภาษีตามส่วนนั้น จำนวนเงิน ๒๙๒,๙๒๐ บาทจึงเป็นเงินปันผลนอกประเทศที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีอีก ๕๙,๓๘๔ บาท ดังที่จำเลยที่ ๒ เรียกเก็บไป ส่วนดอกเบี้ยนั้นไม่มี ก.ม.ห้ามมิให้ศาลพิพากษาให้จำเลยต้องเสียภาษีเพิ่มจากที่ควรต้องเสีย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน