แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เกิดเหตุโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครอง ต่อมาทางราชการได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่จำเลยไม่ยอมออก การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ภายหลังจากที่ทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุแล้ว ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสองประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 และให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108, 108 ทวิ วรรคสองประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515ข้อ 11 จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกเห็นสมควรให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่ดินที่เข้ายึดถือครอบครองดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ จำเลยเข้าครอบครองที่เกิดเหตุโดยเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองในที่เกิดเหตุ และต่อมาทางราชการได้แจ้งให้จำเลยทราบว่า ที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์แล้ว แต่จำเลยไม่ยอมออก จำเลยยังคงครอบครองที่เกิดเหตุและทำประโยชน์ในที่เกิดเหตุต่อมา ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยยังคงครอบครองทำประโยชน์ในที่เกิดเหตุต่อมาหลังจากที่ได้รับแจ้งว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสองเห็นว่า การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินภายหลังจากที่ทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วเช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานดังกล่าว นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,000 บาทจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยพร้อมบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1