คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปในปีภาษี 2520 และ 2522 โดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้น เป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบ เมื่อโจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้น โจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 และ 26 ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดในมาตรา 31 ของกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกเลขที่ ๑๗๗๐ โจทก์ยื่นแบบรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเฉพาะพื้นที่ส่วนที่ให้ผู้อื่นอาศัยแต่เจ้าพนักงานของจำเลยได้แจ้งให้โจทก์เสียภาษีสำหรับพื้นที่ส่วนตัวโจทก์ใช้อยู่เองด้วย โดยให้โจทก์ชำระภาษีส่วนนี้สำหรับปี ๒๕๒๐ เป็นเงิน ๓๓,๙๐๓.๘๘ บาท และสำหรับปี ๒๕๒๒ เป็นเงิน ๒๖๕,๕๓๖.๐๖ บาท ทั้งที่พื้นที่ส่วนนี้โจทก์ได้รับงดเว้นภาษี ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ มาตรา ๑๐ โจทก์ได้ชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานของจำเลยเรียกเก็บแล้วขอให้บังคับจำเลยคืนเงินภาษีดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนตามมาตรา ๙, ๑๐ แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ เพราะโจทก์ใช้โรงเรือนเป็นสำนักงานบริหารกิจการและธุรกิจของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการใช้สถานที่ประกอบกิจการค้า ไม่ใช่เป็นการอยู่อาศัยโดยตรง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้ยื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมสรรพากรหรือสมุหเทศาภิบาลขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามมาตรา ๒๕ แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕
ชั้นชี้สองสถาน โจทก์จำเลยแถลงรับกันบางประการแล้วศาลชั้นต้นจึงให้งดสืบพยานและพิพากษาว่า โจทก์จำเลยยอมรับกันแล้วว่า โจทก์ได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารพิพาทแล้วซึ่งขั้นตอนได้ผ่านการประเมินไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินคืนได้โดยไม่ต้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ตามมาตรา ๒๕, ๒๖ และ ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕ พิพากษาให้จำเลยคืนภาษีประจำปี ๒๕๒๐ จำนวนเงิน ๓๓,๙๐๓.๘๘ บาท และคืนเงินภาษีประจำปี ๒๕๒๒ เป็นเงิน ๒๖๕,๕๓๖.๐๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปในปีภาษี ๒๕๒๐ และ ๒๕๒๒ โดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้น เป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบ ในเมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันข้างต้นฟังเป็นยุติว่า เงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้น โจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๕ และ ๒๖ ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดในมาตรา ๓๑ ของกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน

Share