คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.288,60 มีกำหนด 1 ปี จำเลยมีอายุไม่เกิน 20 ปีลดให้1 ใน 3 คงจำ 8 เดือน เพิ่มตาม ม.73 อีกกึ่งหนึ่งและลดฐานรับสารภาพให้ 1 ใน 3 คงให้จำคุกไว้ 8 เดือน เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกันมีกำหนด 3 ปี ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดาน เป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ม.8,9
แต่เมื่อปรากฎว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว 5 ครั้ง ๆ ที่ 1 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้เรียกทัณฑ์บล ครั้งที่ 2 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด 3 ปี ครั้งที่ 3 ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ 30 บาท ครั้งที่ 4 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งสถานพินิจผึกและอบรม ครั้งที่ 5 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริงคือสำหรับครั้งที่ 5 นี้เท่านั้น จึงเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความตามฟ้องและคำพยานโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยบังอาจลักสายสร้อยทองคำ ๑ สายของนางลำดวนโดยจำเลยใช้กรรไกรตัดสร้อยคอหากพวกของเจ้าทรัพย์พบเห็นการกระทำของจำเลยขึ้นเสียก่อนจึงเอาไปไม่ได้ ก่อนคดีนี้จำเลยได้รับโทษตามคำพิพากษามาแล้ว ๕ ครั้งซึ่งไม่ใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ จำเลยพ้นโทษไปกลับมากระทำผิดอีกภายใน ๓ ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๘๘,๖๐ ให้ลงโทษจำคุก ๑ ปี จำเลยมีอายุไม่เกิน ๒๐ ลดให้ ๑ ใน ๓ เป็นจำคุก ๘ เดือน ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษจำคุกฐานวิ่งราวทรัพย์แล้วมากระทำผิดคดีนี้ภายใน ๓ ปี ให้เพิ่มตาม ม.๗๓ อีกกึ่งหนึ่งจำเลยรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วลดให้ ๑ ใน ๓ คงให้จำคุก ๘ เดือน และให้ริบกรรไกรของกลางก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๕ ครั้งซึ่งมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ และความผิดในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายตาม ม.๔ แห่ง พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.๒๔๗๙ เมื่อพ้นโทษแล้ว ให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำหนด ๓ ปี ตาม พ.ร.บ.กักกัน ฯ พ.ศ.๒๔๗๙ ม.๘,๙
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่เพิ่มโทษกักกันแก่จำเลย นอกจากที่แก้นี้คงให้ลงโทษคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าลงโทษกักกันได้ขอให้ใช้ดุลยพินิจลงโทษกักกันจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.๒๔๗๙ ม.๘ กำหนดที่จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายก็ต่อเมื่อได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง และภายหลังต้องคำพิพากษาให้จำคุกอันเป็นเหตุร้าย คดีนี้ปรากฎว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว ๕ ครั้ง ๆ ที่ ๑ ฐานวิ่งราวทรัพย์ ให้เรียกทัณฑ์บน ครั้งที่ ๒ ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด ๓ ปี ครั้งที่ ๓ ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ ๓๐ บาท ครั้งที่ ๔ ฐานวิ่งราวทรัพย์ ให้ส่งสถานพินิจผึกและอบรม ครั้งที่ ๕ ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก ๒ ปี พ้นโทษเมื่อ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๙๘ แล้วจึงมากระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามคดีนี้อีก จึงเห็นว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริง คือครั้งที่ ๕ จะเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share