แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือหย่ามีพยาน 2 คนเซ็นชื่อคนหนึ่งเซ็นเมื่อยังไม่มีลายเซ็นของใครเลย ต่อมาใครจะเซ็นชื่ออีกหรือไม่ ก็ไม่ทราบดังนี้ จะว่าพยานคนนั้นเป็นพยานรู้เห็นในการตกลงทำหนังสือหย่านั้นไม่ได้
พยานอีกคนหนึ่งเซ็นชื่อให้ในภายหลังและยืนยันไม่ได้ว่าลายเซ็นของคู่สัญญาและพยานในหนังสือนั้นจะเป็นลายเซ็นที่แท้จริงดังนี้ จะว่าพยานคนหลังนี้รู้เห็นว่าคู่สัญญาได้ตกลงกันตามหนังสือก็ไม่ได้อีก รวมความว่าหนังสือนั้นยังเรียกไม่ได้ว่าได้มีพยานรู้เห็นตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ทำหนังสือหย่าและแบ่งทรัพย์กับจำเลยแล้ว ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินตามที่ตกลงไว้
จำเลยแก้ว่า โจทก์ยังเป็นภรรยาจำเลยอยู่ไม่เคยทำหนังสือหย่าและแบ่งทรัพย์สินกัน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หลักฐานพยานของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ทำหนังสือหย่าและแบ่งทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เท่าที่โจทก์นำสืบว่านายผ่อง นายคล้ายลงชื่อเป็นพยานในหนังสือหย่านั้น โจทก์ไม่ได้อ้างนายผ่องมาเป็นพยาน กลับปรากฎว่าตามคำนายผ่อง ซึ่งเบิกความในคดีอาญาว่านายผ่องไม่ทราบว่าหนังสือนั้นมีข้อความว่าอย่างใด ขณะที่เซ็นชื่อเป็นพยานแต่ผู้เดียวเท่านั้น ต่อมาใครจะเซ็นชื่ออีกหรือไม่ ก็ไม่ทราบ ดังนี้จะว่านายผ่องเป็นพยานรู้เห็นในการตกลงทำหนังสือฉะบับนั้นไม่ได้ ส่วนนายคล้ายที่เซ็นชื่อเป็นพยานอีกคนหนึ่ง ก็ปรากฎว่า เป็นแต่โจทก์นำหนังสือมีชื่อจำเลยและนายผ่องมาให้นายคล้ายเซ็นเป็นพยาน นายคล้ายก็เซ็นเป็นพยานให้ แต่นายคล้ายยืนยันไม่ได้ว่า ลายเซ็นชื่อจำเลยและนายผ่องในหนังสือนั้น จะเป็นลายเซ็นชื่อที่แท้จริง จะว่านายคล้ายเป็นพยานรู้เห็นว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามหนังสือนั้นก็ไม่ได้อีก รวมความว่าหนังสือนั้นยังเรียกไม่ได้ว่าได้มีพยานรู้เห็นตามกฎหมายศาลทั้งสองพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน