แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้ปืนยิงเขาในระยะห่าง 2 วาเศษ ถูกที่สำคัญบริเวณหน้าอก มีบาดแผลที่หน้าอกและแขนรวม 17 แห่ง แต่ละแห่งไม่มีกระสุนฝังลงไปในร่างกายเลย เพียงแต่ฟกบวมและหนังขาดเท่านั้น รักษาบาดแผล 10 วันหาย ดังนี้แสดงว่าถูกกระสุนปืนลูกปลายและดินส่งกระสุนปืนอ่อน ไม่สามารถทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ จึงเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้ปืนยิงนายชม โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย แต่บังเอิญกระสุนไม่ถูกที่สำคัญ นายชมจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙,๖๐,๒๕๖,๒๕๔
จำเลยภาคเสธว่ากระทำโดยป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ จำคุกจำเลย ๖ เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการป้องกัน พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว แต่เป็นเรื่องยิงเพราะมีสาเหตุกันมาก่อน ส่วนบาดแผลผู้เสียหาย ปรากฎตามรายงานชัณสูตรว่า ถูกกระสุนปืนที่หน้าอกและแขนรวม ๑๗ แห่ง แต่ละแห่งไม่มีกระสุนฝังลงไปในร่างกายผู้เสียหาย ซึ่งแสดงว่าถูกกระสุนปืนลูกปลาย และดินส่งกระสุนปืนอ่อน แม้จำเลยยิงผู้เสียหายในระยะห่าง ๒ วาเศษ และถูกที่สำคัญบริเวณหน้าอก ก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ เพียงแต่ฟกบวมและหนังขาดเท่านั้น และแพทย์เบิกความประกอบว่าบาดแผลผู้เสียหายรักษา ๑๐ วันตาย ทั้งปืนที่ใช้ยิงก็ไม่ปรากฎว่าเป็นปืนชะนิดใด ดังนี้ที่ศาลล่างวินิจฉัยมาว่าบาดแผลผู้เสียหายเพียงบาดเจ็บธรรมดานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ จำคุก ๒ ปี