แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์รู้ถึงการละเมิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 และได้ฟ้องจำเลยในมูลละเมิดรายนี้ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2528 ภายในอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2529 เพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่ง จึงเป็นกรณีอายุความฟ้องร้องดังกล่าวได้สิ้นไปในระหว่างพิจารณาของศาลแพ่ง ต้องขยายอายุความนั้นออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษาของศาลแพ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2529 จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการต่างประเทศ มีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารก่อนพิจารณาอนุมัติให้สินเชื่อต่างประเทศแก่ลูกค้า แต่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยความประมาท ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีหน้าที่ดังกล่าว แต่เป็นหน้าที่ของพนักงานคนอื่นที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของจำเลย ความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่ได้เกิดจากจำเลย จำเลยไม่ได้ทำละเมิดโจทก์ ทั้งคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาที่จะได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลคดีและข้อหาเดียวกันกับคดีนี้ต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ แต่ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ เพราะเป็นคดีอันเกิดมูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๒๙ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๖ นั้น พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาดังกล่าวข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานรับฟังว่า โจทก์รู้ตัวผู้กระทำละเมิดเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๒๕ และได้รู้ถึงการละเมิดเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ พฤติการณ์แห่งคดีได้ความต่อไปว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับมูลละเมิดรายเดียวกันนี้ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ศาลแพ่งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่ากรณีตามฟ้องของโจทก์เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘ (๕) ศาลแพ่งไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ พิพากษายกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ต่อศาลแรงงานกลาง โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๙ ปัญหาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์รู้ถึงการละเมิดเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ภายในกำหนดหนึ่งปี ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่ง การที่โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลแรงงานกลางใหม่นั้น กรณีจึงต้องปรับด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๖ ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าศาลยกคดีเสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลและกำหนดอายุความสิ้นไปแล้วในระหว่างพิจารณาก็ดี หรือจะสิ้นลงในระหว่างหกเดือนภายหลังที่ได้พิพากษาคดีถึงที่สุดก็ดี ท่านให้ขยายอายุความนั้นออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษานั้น” ซึ่งกรณีของโจทก์เห็นได้ว่ากำหนดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ สิ้นไปแล้วในระหว่างพิจารณาของศาลแพ่ง จึงต้องขยายอายุความนั้นออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษาของศาลแพ่ง ปรากฏว่าศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๙ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๖
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีตามที่ได้กำหนดในข้อ ๑ และข้อ ๒ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี