แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ซึ่งตามสัญญามีข้อความชัดว่าผู้กู้ได้รับเงินไปแล้วจำเลยต่อสู้เพียงว่าไม่ได้รับเงินไป เหตุใดจึงไม่มีการรับเงินอันจะทำให้สัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ไม่สมบูรณ์ จำเลยหาได้กล่าวอ้างอย่างใดไม่ ดังนี้จำเลยจะขอนำสืบไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.ม.94
ในวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อ 11 ระบุไว้ว่า “ฯลฯทำการนำทรัพย์สินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดหรือบางส่วน ฯลฯ จำนำ จำนอง เอาค้ำประกันจำหน่ายไปหมุนส่งเป็นตัวเงินหรือจัดการอย่างใดก็ได้สุดแต่บรีษัทจะเห็นสมควร ” ดังนี้เมื่อการกู้ยืมโดยเอาทรัพย์สินของบริษัทมอบไว้หรือตราไว้เป็นประกันเงินกู้ซึ่งเรียกว่าจำนำหรือจำนองไว้แล้ว และการกู้ยืมธรรมดาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอำนาจของบริษัทที่จะทำได้การกู้เช่นนี้จึงไม่เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย
ฎีกาที่ 246/2485,799/2493,1111/2496
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อครั้งจำเลยยังใช้ชื่อว่าบริษัทซินเอียะ จำกัด ได้ร่วมกับโรงสีกิจเจริญและโรงสีตงเฮงได้กู้เงินโจทก์ไป ๒๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยผิดนัด ขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า บริษัทจำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ บริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกู้ยืมเงินหากนายกีเงี้ยวได้กู้เงินโจทก์จริงก็เป็นการกระทำในฐานะส่วนตัว ไม่ผูกพันบริษัทจำเลย นายเซ่งบู๊กรรมการบริษัทโจทก์ได้เอาหนังสือกู้รายนี้มาให้นายกี่เงี้ยวลงชื่อ โดยมิได้มีการจ่ายเงิน
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าคดีเหลือประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียง ๒ ข้อ คือ ๑. บริษัทจำเลยได้รับเงินกู้ไปตามหนังสือสัญญากู้หมาย จ.๑ แล้วหรือไม่ ๒. การกู้ยืมเงินเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยหรือไม่ สำหรับประเด็นข้อ ๒. โจทก์จำเลยแถลงขอให้ศาลวินิจฉัยตามเอกสาร คู่ความไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ส่วนประเด็นข้อ ๑. โจทก์ว่าจำเลยจะถือว่าไม่ได้รับเงินไม่ได้ เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อไป ฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต่อสู้เพียงว่าไม่ได้รับเงินไป เหตุใดจึงไม่มีการรับเงินอันจะทำให้สัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ไม่สมบูรณ์จำเลยหาได้กล่าวอ้างอย่างใดไม่ การขอนำสืบของจำเลยจึงต้องห้าม ตาม ป.วิ.พ.ม.๙๔ และฎีกาที่ ๒๔๖/๒๔๘๕ ระหว่าง น.ส.สุดใจ แซ่ห่าน โจทก์ ร.ต.จำลอง จันกิม กับพวก จำเลยฎีกาที่ ๗๙๙/๒๔๙๓ ระหว่างนายแถม แจ่มจันทร์ โจทก์ นายพวง ชำแก้ว จำเลย และฎีกาที่ ๑๑๑๑/๒๔๙๖ ระหว่างนายเลื่อน ขุนคำ โจทก์ นายพันธ์ จินลา จำเลย
อนึ่งปรากฎว่าในวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อ ๑๑. ระบุให้ “ฯลฯ ทำการนำทรัพย์สินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดหรือบางส่วนฯลฯจำนอง เอาค้ำประกัน จำหน่ายไปหมุนส่งเป็นตัวเงินหรือจัดการอย่างใดก็ได้สุดแต่บริษัทจะเห็นสมควร ” ดังนี้เมื่อการกู้ยืมโดยเอาทรัพย์สินของบริษัทมอบไว้หรือตราไว้เป็นประกันเงินกู้อันเป็นการจำนำหรือจำนองก็ได้แล้ว การกู้ยืมธรรมดาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้โดยสิ้นเชิง ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอำนาจของบริษัท จะกระทำได้ด้วยจึงไม่เป็นการนอกวัตถุประสงค์ดังจำเลยได้แย้ง
พิพากษายืน