คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

(พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่เป็นเหตุผลเชื่อได้ว่ารู้เห็นในการกระทำการปล้นทรัพย์อยู่ด้วย)
เมื่อกรณีฟังได้ว่าจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุก จำเลยที่ 7 เป็นเด็กประจำรถรู้เห็นในการปล้นทรัพย์อยู่ด้วย การที่จำเลยที่ 6 ที่ 7 นำรถยนต์ไปจอดรอรับกระบือที่ได้จากการปล้นพาหนีไปให้พ้นจากการติดตามเอาคืนของเจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงาน จึงเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จอันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำการกระทำของจำเลยที่ 6 ที่ 7 จึงเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง ๗ กับพวกที่ยังหลบหนีไม่ได้ตัวอีก ๑ คน ร่วมกันปล้นทรัพย์กระบือ ๘ ตัว ราคา ๘,๘๐๐ บาทของนายหู พันธ์ชาลี ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓
นายหู พันธ์ชาลี ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยทั้ง ๗ คน ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓ จำคุกคนละ ๑๐ ปี
จำเลยทั้ง ๗ คนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้ง ๗ คนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ เป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ การที่จำเลยที่ ๖ นำรถยนต์ไปจอดรับกระบือและจำเลยที่ ๗ ช่วยนำกระบือขึ้นรถในเวลากลางคืน จำเลยที่ ๖ ได้ให้การชั้นสอบสวนว่า “นายหล่อบอกกับจำเลยที่ ๖ ว่า นายทองดีจับเจ้าของกระบือมาด้วย จวนจะปล่อยแล้ว ให้บีบแตรรถ และนายหล่อส่งเสียงกู่หลายครั้ง…” เมื่อจำเลยที่ ๖ ขับรถยนต์บรรทุกกระบือไปจากที่เกิดเหตุก็ขับอย่างเร็วผ่านด่านตรวจก็ไม่ยอมหยุดให้ตรวจถึงสองด่าน จนถึงด่านตรวจที่ตลาดลำนารายณ์ ซึ่งเป็นเวลาจวนสว่างจึงนำกระบือลง เมื่อถูกจับจำเลยที่ ๗ ก็รับกับสิบตำรวจเอกซึ่งว่าได้บรรทุกกระบือมาจริง แต่นำกระบือลงที่ข้างสถานีรถไฟลำนารายณ์ เพราะมีด่านตรวจที่ตลาดลำนารายณ์ เมื่อรถบรรทุกผ่านด่านแล้วจะไปรับกระบือที่เขายายกะตา พฤติการณ์ที่ได้ความดังนี้ จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่า จำเลยที่ ๖ ที่ ๗ รู้เห็นในการที่จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ไปทำการปล้นทรัพย์กระบือจากโจทก์ร่วม การที่จำเลยที่ ๖ ที่ ๗ นำรถยนต์ไปจอดรอรับกระบือที่ได้จากการปล้น
จึงเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จโดยเพื่อพาทรัพย์ที่ได้จากการปล้นไปให้พ้นจากการติดตามเอาคืนของเจ้าทรัพย์หรือเจ้าพนักงาน อันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ ๖ ที่ ๗ จึงต้องมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕
พิพากษายืน

Share