แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องทั้งสามและ ส. ได้ที่ดินตามส่วนของตนมาด้วยการยกให้จาก น. ซึ่งเป็นบิดาโดยทำหนังสือจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินและได้ลงชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ส. ในโฉนดเดียวกันมาตั้งแต่วันที่เปลี่ยนแก้ชื่อในโฉนดเป็นของผู้ร้องทั้งสามกับ ส. นั้นแล้ว ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนตลอดมา หาได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวในลักษณะครอบครองปรปักษ์อย่างใดไม่ ระหว่างที่ที่ดินยังมิได้แบ่งแยกโฉนด ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกัน ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมดด้วยกัน การที่ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนที่ดินที่ผู้ร้องได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด ก็เป็นที่ดินส่วนของผู้ร้องที่ได้รับมาจากการยกให้และครอบครองมาตามกรรมสิทธิ์อยู่แล้วนั้นเองเพราะไม่ได้ความว่ารุกล้ำเข้าไปในที่ของผู้อื่นซึ่งพอจะอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ได้ ในกรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายใดให้สิทธิผู้ร้องขอให้ศาลสั่งแสดงการได้มาซึ่งการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองได้ แต่ผู้ร้องและผู้มีชื่อในโฉนดย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินตามส่วนของตนที่ได้รับการยกให้และต่างครอบครองมาได้ในระหว่างกันเองอยู่แล้ว หากเกิดพิพาทไม่ตกลงกันในการแบ่งต่างก็มีสิทธิที่จะดำเนินคดีอย่างมีข้อพิพาทกับเจ้าของรวมนั้นโดยตรง
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่า เมื่อประมาณ ๑๕ ปีเศษมานี้ ก่อนที่พระครูใบฎีกาเรือโทนอม บุณยาคม บิดาจะได้อุปสมบท ได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๙๑ ให้แก่นายสนั่น ผู้ร้องที่ ๑ ผู้ร้องที่ ๒ ผู้ร้องที่ ๓ซึ่งเป็นบุตร เป็นส่วนสัดแน่นอน และมอบให้ครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์แต่ได้ใส่ชื่อบุตรดังกล่าวเป็นเจ้าของโฉนดร่วมกันในฉบับเดียว ผู้ร้องมีความประสงค์จะแบ่งแยกโฉนด แต่เจ้าพนักงานหอทะเบียนที่ดินสั่งให้มาร้องต่อศาลเสียก่อน ผู้ร้องจึงต้องมาร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนสั่งให้ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องทั้งสามและนายสนั่นได้ที่ดินตามส่วนของตนมาด้วยการยกให้จากเรือโทนอมซึ่งเป็นบิดา โดยทำหนังสือจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน และได้ลงชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายสนั่นในโฉนดเดียวกันมาตั้งแต่วันที่เปลี่ยนแก้ชื่อในโฉนดเป็นของผู้ร้องทั้งสามร่วมกับนายสนั่นนั้นแล้ว ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนตลอดมา หาได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวในลักษณะครอบครองปรปักษ์อย่างใดไม่ ระหว่างที่ที่ดินยังมิได้แย่งแยกโฉนด ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกันย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมดด้วยกัน การที่ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนที่ดินที่ผู้ร้องได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด ก็เป็นที่ดินส่วนของผู้ร้องที่ได้รับมาจากการยกให้และครอบครองมาตามกรรมสิทธิ์อยู่แล้วนั้นเอง เพราะไม่ได้ความว่ารุกล้ำเข้าไปในที่ของผู้อื่นซึ่งพอจะอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ได้ ในกรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายใดให้สิทธิผู้ร้องขอให้ศาลสั่งแสดงการได้มาซึ่งการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองได้ แต่ผู้ร้องและผู้มีชื่อในโฉนดย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินตามส่วนของตนที่ได้รับการยกให้และต่างครอบครองมาได้ในระหว่างกันเองอยู่แล้ว หากเกิดพิพาทไม่ตกลงกันในการแบ่งต่างก็มีสิทธิที่จะดำเนินคดีอย่างมีข้อพิพาทกับเจ้าของรวมนั้นโดยตรง
พิพากษายืน