คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้ ช. และขอเบิกเงินจำนวนหนึ่งจาก ช. เพื่อนำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง ช. ก็ทดรองจ่ายเงินจำนวนนั้นให้จำเลย แต่จำเลยไม่นำเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้าง เช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก เพราะจำเลยมีหน้าที่จัดหาวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว มิใช่รับเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของ ช.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้นายช่อง แล้วเบิกเงินจากนายช่องไป โดยหลอกลวงว่าจะนำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง จำเลยรับเงินไปแล้ว ไม่นำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๕๒ และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาทให้นายช่องเจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง แต่ผิดฐานยักยอกเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ให้จำคุก ๑ ปี ลดรับสารภาพชั้นสอบสวน ๑ ใน ๓ คงจำคุก ๘ เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยขอเบิกเงินจากนายช่องโดยบอกว่าจะเอาไปซื้อประตูหน้าต่างและจ่ายค่าแรงงานลูกจ้าง นายช่องก็ทดรองจ่ายเงินให้จำเลยรับไป การกระทำของนายช่องมิใช่เป็นการมอบหมายเงินให้จำเลยไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของนายช่อง เพราะวัสดุก่อสร้างเป็นของที่จำเลยจะต้องจัดหามาอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่จำเลยรับเงินไปแล้วไม่ซื้อวัสดุก่อสร้างตามสัญญารับเหมา จึงไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share