แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ถือมีดดาบปลายตัด 1 เล่ม ผู้ตายถือมีดพก 1 เล่ม ระหว่างที่คนทั้งสองนี้เถียงกัน จำเลยที่ 2 ถือขวาน 1 เล่มเข้ามาทางข้างหลังผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 2 เอาหัวขวานตีผู้ตายถูกที่ศรีษะด้านหลังตรงระดับหู 1 ที(ตอนนี้ผู้ตายยังไม่ตาย) แล้ว จำเลยทั้งสองฉุดมือกันวิ่งหนี แต่ไปได้ประมาณ3วาจำเลยที่1ก็สลัดแขนจากจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 1 กลับมาฟันคอผู้ตายอีก 1 ที จำเลยทั้งสองวิ่งหนีไปเมื่อไม่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมคิดกันมาทำร้ายผู้ตายอาจเป็นกรณีเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยต่างคนต่างกระทำจึงมีความผิดตามกรรมที่ตนได้กระทำ คือจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา จำเลยที่ 2ฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมคบหรือสมรู้ในการฆ่าคนตายไม่ถนัด เพราะการกระทำของจำเลยที่ 2 มีผลเพียงให้ได้รับบาดแผลเพียงมีบาดเจ็บเท่านั้น
ย่อยาว
ได้ความว่าขณะนายยมจำเลยโต้เถียงกับนายเทื้อมผู้ตายโดยนายยมจำเลยหาว่านายเทื้อมลักของนางยิ้มพี่สาวจำเลย นายเทื้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ลัก ขณะที่เถียงกัน นายยมจำเลยถือมีดดาบปลายตัด1 เล่ม นายเทื้อมถือมีดพก 1 เล่ม ระหว่างที่ตนทั้งสองเถียงกันนี้นายวายจำเลยถือขวาน 1 เล่มเข้ามาทางข้างหลังนายเทื้อม แล้วเอาหัวขวานตีนายเทื้อมถูกที่ศีรษะด้านหลังตรงระดับหู 1 ที แล้วจำเลยทั้งสองฉุดมือกันวิ่งหนี แต่ไปได้ประมาณ 3 วานายยมจำเลยก็สลัดแขนจากนายวายจำเลยกลับมาฟันคอนายเทื้อมอีก 1 ที แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหนีไป
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองว่า นายยมจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 59 แล้วจำคุก 10 ปี ส่วนนายวายจำเลยสืบไม่สมว่าได้ทำร้ายนายเทื้อมเพื่อป้องกันนายยมจำเลย นายวายจำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254จำคุก 2 ปี มีดของกลางริบ
ทั้งนี้โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวข้างต้น และเมื่อไม่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมคิดกันมาทำร้ายนายเทื้อม อาจเป็นกรณีเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยต่างคนต่างกระทำ จึงมีความผิดตามกรรมที่ตนได้กระทำ จะลงโทษนายวายจำเลยฐานสมคบหรือสมรู้ในการฆ่าคนตายตามที่โจทก์ฎีกามาไม่ถนัด เพราะการกระทำของนายวายจำเลย เพียงมีผลให้นายเทื้อมได้รับบาดแผลเพียงมีบาดเจ็บเท่านั้น