แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมตำรวจประกาศให้รางวัลแก่ผู้นำจับหรือตำรวจผู้จับผู้ลักลอกนำข้าวสารออกนอกประเทศ เมื่อปรากฎว่าข้าวสารที่จับ เป็นข้าวสารที่เจ้าของนำมาจากอินโดจีนจะไปสิงคโปร์แต่ถูกลมพายุ จึงหลบเข้ามาในอาณาจักรประเทศไทยนั้น ผู้จับย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้รับรางวัลตามคำประกาศของกรมตำรวจ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ออกประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่นำตำรวจจับผู้ลักลอบนำข้าวสารออกนอกประเทศ ฯลฯ โจทก์ได้จับกุมนายวิชัยกับพวกในข้อหาว่าสมคบกันลักลอบนำข้าวสารออกนอกประเทศ จับข้าวของกลางได้ ๘๕๕ กระสอบ อัยการได้ยื่นฟ้องนายวิชัยกับพวกต่อศาลแล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับรางวัลจากจำเลยเป็นเงิน ๔๖,๗๑๐ บาท (ในประกาศมีความว่ากรมตำรวจจะจ่ายเงินรางวัลให้ทันทีเมื่อสอบสวนเสร็จ คดีมีหลักฐานพอ ไม่ต้องรอจนศาลพิพากษาเสร็จคดี) ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องคดีนั้น จำเลยกลับไม่ยอมจ่ายเงินรางวัล ให้แก่โจทก์ ๆ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า กรณีที่โจทก์จับ เป็นเรื่องนายวิชัยนำข้าวมาจากอินโดจีนจะไปสิงคโปร์ ถูกพายุจึงหลบเข้ามา ฯลฯ
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า ประกาศของกรมตำรวจประสงค์ให้รางวัลแก่ผู้นำจับหรือเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับเฉพาะแต่เรื่องข้าวสารที่มีผู้ลักลอบขนย้ายออกนอกประเทศไทยเท่านั้น ข้าวของกลางไม่ใช่ข้าวที่นำออกนอกประเทศไทยแล้ว การจับกุมจึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะได้รับเงินรางวัลตามประกาศ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้าวที่โจทก์จับมานี้มิใช่เป็นข้าวที่นำออกไปนอกราชอาณาจักรไทย โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว การจับของโจทก์ก็ย่อมไร้ผล เพราะตามประกาศของกรมตำรวจ ประสงค์จะให้รางวัลแก่ผู้จับข้าวที่นำออกนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัล ฯลฯ
จึงพิพากษายืน