คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับขนของทางทะเล ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายของสิ่งของที่รับขนนั้นต่อผู้ส่งตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 39 เว้นแต่ความเสียหายจะเกิดขึ้นหรือเป็นผลจากเหตุตามที่ระบุไว้ บทมาตราต่างๆ ในหมวด 5 ว่าด้วยข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิด
สินค้าปุ๋ยพิพาทบางส่วนเปียกน้ำและปนเปื้อนน้ำมันเสียหาย ซึ่งเป็นความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งโดยที่จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้เห็นว่ามีเหตุที่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้า แม้ทางนำสืบของโจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงว่าความเสียหายของสินค้าปุ๋ยพิพาทเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 หรือไม่และไม่ทราบว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใดก็ตาม ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง ต้องพ้นจากความรับผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 627,842 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 605,149 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 9,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 605,149 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 มีนาคม 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 14,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์รับประกันภัยสินค้าปุ๋ยพิพาทซึ่งเป็นปุ๋ยผสมสูตร NPK 15 – 15 – 15 จำนวน 2,761.95 เมตริกตัน และ NPK 20 – 20 – 0 จำนวน 2,014.25 เมตริกตัน ของบริษัทเจียไต๋ จำกัด และปุ๋ยผสมสูตร NPK 15 – 15 – 15 จำนวน 1,536.65 เมตริกตัน และ NPK 20 – 20 – 0 จำนวน 1,016.75 เมตริกตัน ของบริษัทอาคเนย์เกษตรกรรม จำกัด ซึ่งบริษัททั้งสองสั่งซื้อจากประเทศโรมาเนีย แล้วบรรทุกด้วยเรือเดินทะเลชื่อ “ไฟเซอร์” (Foisor) ของจำเลยที่ 2 ขนส่งมาถึงท่าเรือกรุงเทพเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2536 แต่ปรากฏว่ามีสินค้าปุ๋ยพิพาทบางส่วนเสียหาย โจทก์ได้ชำระค่าเสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัยให้บริษัทเจียไต๋ จำกัด และบริษัทอาคเนย์เกษตรกรรม จำกัด รวมเป็นเงิน 605,149 บาท แล้วเข้ารับช่วงสิทธิทวงถามให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าเสียหายดังกล่าว ปัญหาต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายนั้น เห็นว่า ในการรับขนของทางทะเลนั้นผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายของสิ่งของที่รับขนนั้นต่อผู้ส่ง หากความเสียหายของสิ่งของนั้นได้เกิดในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 39 ซึ่งอยู่ในหมวด 4 ว่าด้วยความรับผิดของผู้ขนส่ง เว้นแต่ความเสียหายของสิ่งของที่รับขนนั้นจะเกิดขึ้นหรือเป็นผลจากเหตุตามที่ระบุไว้ในบทมาตราต่างๆ ในหมวด 5 ว่าด้วยข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิด แต่จากข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า สินค้าปุ๋ยพิพาทมีบางส่วนเปียกน้ำและปนเปื้อนน้ำมันเสียหาย ซึ่งเป็นความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ที่ใช้เรือไฟเซอร์ขนส่งจากประเทศโรมาเนียมายังท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย โดยที่จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบให้เห็นได้ว่ามีเหตุที่เข้าข้อยกเว้นที่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าปุ๋ยพิพาทดังกล่าวตามหมวด 5 แห่ง พ.ร.บ. การรับขนของทะเล พ.ศ. 2534 ดังนั้น แม้ทางนำสืบของโจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงว่า ความเสียหายของสินค้าปุ๋ยพิพาทเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 หรือไม่ และไม่ทราบว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใดเช่นที่จำเลยที่ 2 ฎีกาก็ตาม ก็หาเป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งต้องพ้นจากความรับผิดในการที่สินค้าปุ๋ยพิพาทได้เกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ไม่
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 10,000 บาท

Share