แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่าจำเลยยอมโอนที่เหมืองแร่ของตนให้โจทก์ราคา 8000 บาท ในวันทำสัญญานั้นโจทก์จ่ายเงินให้จำเลย 1000 บาทที่เหลือจะชำระให้เสร็จใน พ.ศ.2483 และจำเลยจะโอนประทานบัตร์เหมืองแร่ให้โจทก์ในกำหนดนั้นด้วยในระหว่างไม่ได้โอนประทานบัตร์กันนี้จำเลยจะทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เข้าทำเหมืองแร่ไปพลางก่อนดังนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขายกรรมสิทธิในเหมืองตกเป็นของโจทก์แล้ว และการมอบอำนาจของจำเลยก็หาเป็นเงื่อนไขของสัญญาไม่ แต่เป็นผลที่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อสัญญานั้นประทานบัตร์เหมืองแร่เป็นเพียงใบอนุญาตที่รัฐบาลออกให้แก่ผู้ทำเหมืองแร่เท่านั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันได้ไม่
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ถือประทานบัตร์เหมืองแร่อยู่ ๖ แปลง โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากัน โดยจำเลยยอมโอนที่เหมืองแร่นั้นให้โจทก์ราคา ๘๐๐๐ บาท ในวันทำสัญญานั้นโจทก์จ่ายเงินให้จำเลย ๑๐๐๐ บาทส่วนที่เหลือจะชำระให้เสร็จในปี ๒๔๘๓ และจำเลยจะได้โอนประทานบัตร์เหมืองแร่ให้โจทก์ในกำหนดนั้นด้วย และตามสัญญาจำเลยยอมมอบอำนาจให้โจทก์เข้าปกครองทำการเหมืองแร่เอาแร่ขายได้ก่อนเวลาโอน แต่หนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์นั้นจำเลยได้ขีดฆ่าข้อความบางอย่างเสีย เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานกองโลหกิจไม่ยอมรับจดทะเบียนใบมอบอำนาจนั้น โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทำใบมอบอำนาจตามข้อความที่เจ้าพนักงานยอมรับจดทะเบียนให้และให้มอบใบสุทธิแร่ให้โจทก์ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาที่โจทก์จำเลยทำนั้นมีเงื่อนไขคือการมอบอำนาจทำเหมืองแร่ซึ่งเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนเมื่อเจ้าพนักงานไม่ยอมรับจดทะเบียนใบมอบอำนาจให้ เงื่อนไขก็ไม่สำเร็จสัญญาจึงเป็นโมฆะ จีงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายเชื่อ กรรมสิทธิในเหมืองนั้นตกเป็นของโจทก์แล้วแต่วันทำสัญญาส่วนประทานบัตร์เป็นแต่ใบอนุญาตซึ่งรัฐบาลออกให้แก่ผู้ทำเหมืองแร่เท่านั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันได้ไม่ ในข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการมอบอำนาจทำเหมืองเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนนั้นไม่ถูกต้อง การที่จำเลยมีหน้าที่ต้องทำใบมอบอำนาจให้ถูกต้องเป็นเรื่องการปฏิบัติตามข้อสัญญาซื้อขายต่างหาก จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้นทุกประการ