คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงซื้อขายชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นข้อตกลงหลวม ๆ ไม่มีข้อความระบุรายละเอียดความรับผิดของแต่ละฝ่ายไว้ กำหนดการส่งมอบสินค้าก็ไม่อาจกำหนดเวลาให้แน่ชัดลงไปได้เพราะต้องรอการตรวจสอบ ซึ่งโจทก์ทราบเงื่อนไขข้อนี้เป็นอย่างดี และสินค้าที่ซื้อขายเป็นยุทธปัจจัยการส่งออกจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนและโจทก์ทราบอุปสรรคข้อนี้ แต่ก็มิได้ยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อสำคัญให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ แต่กลับปรากฏว่าเมื่อการรอคอยคำตอบจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยความล่าช้าโจทก์สอบถามจำเลยเพื่อจะดำเนินการติดต่อซื้อเองโดยตรงจากบริษัทร.ผู้ผลิตซึ่งจำเลยก็บอกว่าโจทก์สามารถทำได้และโจทก์ได้สั่งซื้อเองจึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่า การที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทร. ขายสินค้าให้โจทก์ จะถือเป็นความผิดของจำเลยมิได้ ต่อมาเมื่อจำเลยแจ้งว่ารัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติโจทก์ก็ได้ขอแก้ไขสัญญากับกองบัญชาการทหารสูงสุดขอส่งมอบสินค้ายี่ห้ออื่นแทน โดยอ้างว่าการส่งมอบชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูเป็นการพ้นวิสัยและกองบัญชาการทหารสูงสุดก็ยินยอม โดยไม่ถือเป็นความผิดของโจทก์ดังนี้จึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่าการที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทร.ส่งชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูออกนอกประเทศครั้งนี้จะถือเป็นความผิดของฝ่ายใดมิได้ และสาเหตุดังกล่าวก็อยู่นอกเหนืออำนาจของจำเลย ถือได้ว่าภายหลังจากที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้ว การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยอันมิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 219

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งซื้อสินค้าชุดแสครมเบลอร์จากจำเลย จำเลยได้ตอบตกลงขายสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์จึงทำสัญญาขายสินค้านั้นให้แก่กองบัญชาการทหารสูงสุดต่อมาจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าไม่สามารถส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งซื้อได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถส่งมอบสินค้าดังกล่าวให้แก่กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ และตกเป็นผู้ผิดสัญญาอันจะต้องถูกริบหลักประกัน ถูกปรับ และชดใช้ค่าเสียหายแก่กองบัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้โจทก์ได้รับความเสียหายที่ต้องซื้อสินค้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์แพงขึ้น ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 3,968,897.57 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน3,594,201.80 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ใช่ผู้ขายสินค้าให้แก่โจทก์ แต่เป็นเพียงตัวแทนหรือนายหน้าของผู้ขายสินค้า คือบริษัทเรคอลมิลโก้จำกัด การซื้อขายสินค้าดังกล่าวตามระเบียบของประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาเสียก่อนเมื่อรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาพิจารณาแล้วไม่อนุมัติให้บริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ขายสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ จึงเป็นการพ้นวิสัย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย โจทก์กับกองบัญชาการทหารสูงสุดก็ตกลงแก้ไขข้อสัญญาเดิมโดยไม่มีการปรับหรือเรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าปรับหรือค่าเสียหายเช่นกัน โจทก์ซื้อสินค้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในราคาที่ต่ำกว่าซื้อจากบริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2527 จำเลยเสนอขายชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทู แบบ 3400 และแบบ 3500 ของบริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกาให้แก่โจทก์ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2 ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม 2527 โจทก์จึงได้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าวแบบ 3400 จำนวน 4 ชุด ราคาชุดละ 3,200 เหรียญสหรัฐแบบ 3500 จำนวน 50 ชุด ราคาชุดละ 2,720 เหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 148,800 เหรียญสหรัฐ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.3 จำเลยได้ตอบรับการสั่งซื้อของโจทก์ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.4 หลังจากนั้นโจทก์ทำสัญญาขายชุดสแครมเบลอร์ ยี่ห้อดังกล่าวให้แก่กองบัญชาการทหารสูงสุดรวม 2 ครั้ง เป็นแบบ 3400 จำนวน 5 ชุด แบบ 3500 จำนวน50 ชุด บริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ได้ส่งแบบการขออนุมัติมาให้จำเลยเพื่อนำไปให้โจทก์ผู้ซื้อและกองบัญชาการทหารสูงสุดผู้ใช้ลงลายมือชื่อ เพื่อบริษัทดังกล่าวนำไปยื่นขออนุมัติจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ให้อนุญาตส่งสินค้าดังกล่าวมาขายให้โจทก์ แต่ต่อมาปรากฏว่ารัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติ จำเลยจึงไม่สามารถส่งมอบสินค้าที่ตกลงซื้อขายให้แก่โจทก์ได้ ประเด็นข้อแรกที่เห็นควรวินิจฉัยก่อนมีว่า การที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยที่จำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่เห็นว่า ข้อตกลงซื้อขายชุดสแครมเบลอร์ระหว่างจำเลยกับโจทก์ตามใบเสนอขายเอกสารหมาย ล.2 ใบสั่งซื้อเอกสารหมาย ล.3 และใบตอบรับการสั่งซื้อเอกสารหมาย ล.4 เป็นข้อตกลงหลวม ๆ ไม่มีข้อความระบุรายละเอียดความรับผิดของแต่ละฝ่ายไว้แต่อย่างใด ตามเอกสารหมายล.4 กำหนดการส่งมอบสินค้าจำเลยก็ไม่อาจกำหนดเวลาให้แน่ชัดลงไปได้เพราะต้องรอการตรวจสอบ เมื่อโจทก์ได้รับใบตอบรับเอกสารหมาย ล.4 โจทก์ย่อมทราบเงื่อนไขข้อนี้เป็นอย่างดีแล้ว และเนื่องจากสินค้าที่ซื้อขายเป็นยุทธปัจจัย การส่งออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนซึ่งจำเลยก็ได้นำแบบการขออนุมัติเอกสารหมาย ล.5 ไปให้โจทก์ผู้ซื้อลงลายมือชื่อและให้โจทก์ดำเนินการให้กองบัญชาการทหารสูงสุดผู้ใช้ลงลายมือชื่อให้คำรับรองตามที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวเพื่อจำเลยจะได้ส่งไปให้บริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ยื่นคำขออนุมัติต่อรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อโจทก์ดำเนินการตามเอกสารดังกล่าว โจทก์ย่อมทราบอุปสรรคข้อนี้เป็นอย่างดีแล้ว แต่โจทก์ก็มิได้ยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อสำคัญให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์แต่อย่างใด แต่กลับปรากฏว่าเมื่อการรอคอยคำตอบจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยความล่าช้า โจทก์จึงสอบถามจำเลยเพื่อจะดำเนินการติดต่อซื้อเองโดยตรงจากบริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัดซึ่งจำเลยก็บอกว่าโจทก์สามารถทำได้ และโจทก์ได้สั่งซื้อเองปรากฏตามเอกสารหมาย ล.7 เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่าการที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทเรคอลมิลโก้จำกัด ขายสินค้าให้โจทก์จะถือเป็นความผิดของจำเลยมิได้ และจะเห็นได้ว่า ต่อมาเมื่อจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่ารัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติ โจทก์ก็ได้ขอแก้ไขสัญญากับกองบัญชาการทหารสูงสุดขอส่งมอบสินค้ายี่ห้ออื่นแทน โดยอ้างว่าการส่งมอบชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูเป็นการพ้นวิสัย ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.13 และทางกองบัญชาการทหารสูงสุดก็ยินยอมให้โจทก์แก้ไขสัญญาตามที่โจทก์ขอโดยไม่ถือเป็นความผิดของโจทก์แต่อย่างใด ดังนี้จึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่าการที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทเรคอลมิลโก้ จำกัด ส่งชุดสแครมเบลอร์ ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทู ออกนอกประเทศครั้งนี้จะถือเป็นความผิดของฝ่ายใดมิได้ และสาเหตุดังกล่าวก็อยู่นอกเหนืออำนาจของจำเลย ถือได้ว่าภายหลังจากที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้ว การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยอันมิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 เมื่อเป็นเช่นนี้ประเด็นข้ออื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share