คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาโจทก์ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกของมารดาโจทก์ซึ่งตกได้แก่โจทก์ให้แก่จำเลยทั้งสี่อัน เป็นบุตรเกิดแต่ภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้รับพินัยกรรม ชอบที่จะใช้สิทธิของบิดาโจทก์ยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสี่เป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากัน โดยโจทก์เป็นบุตรนายวงษ์ นางชื้น จำเลยเป็นบุตรนายวงษ์ นางผ่อง ระหว่างนายวงษ์นางชื้นมีชีวิตอยู่มีที่ดินเป็นสินสมรส ๑ แปลง โฉนดเลขที่ ๓๓๑๖ นางชื้นถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ ที่ดินดังกล่าวกึ่งหนึ่งเป็นมรดกได้แก่โจทก์และนายวงษ์คนละ ๑ ส่วน โจทก์กับนายวงษ์ได้ครอบครองร่วมกันตลอดมา ยังมิได้แบ่งแยก ต่อมาวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๒ นายวงษ์ถึงแก่กรรม ปรากฏว่านายวงษ์ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๑๖ ทั้งแปลงให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งรวมทั้งส่วนที่เป็นมรดกของนางชื้น ที่ตกได้แก่โจทก์ด้วย โจทก์จึงขอแบ่งส่วนที่เป็นของโจทก์ ๑ ใน ๔ เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอม ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสี่แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ๑ ส่วน ใน ๔ ส่วน
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า มารดาโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งที่พิพาทเพราะที่พิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่เป็นของนายวงษ์เพียงผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีมรดกของมารดาที่จะรับ โจทก์ไม่เคยครอบครองที่พิพาท จำเลยทั้งสี่กับบิดามารดาครอบครองตลอดมาเป็นเวลา ๓๔ ปี เศษ แล้ว จำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับทรัพย์พิพาทโดยพินัยกรรมได้ลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๑๕ โจทก์มิได้กล่าวทักท้วงแต่ประการใด โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของนางชื้นผู้เป็นมารดา แต่นางชื้นถึงแก่กรรมไปตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๖ คดีขาดอายุความ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ขาดการครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ โจทก์ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เจ้ามรดกตาย คดีขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสี่กับบิดามารดาของจำเลยร่วมกันครอบครองที่พิพาทตั้งแต่มารดาโจทก์ถึงแก่กรรมมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกินกว่า ๑๐ ปี โจทก์มิได้ร่วมครอบครองด้วยจำเลยทั้งสี่ จึงได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาท ตาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๓๘๒ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่พิพาทในฐานเป็นมรดกของมารดาไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น ต่อไป พิพากษายืนในผล
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์และจำเลยทั้งสี่เป็นบุตรนางวงษ์ โจทก์เกิดจากนางชื้นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสี่เกิดจากนางผ่อง ภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๑๖ (รวมทั้งที่พิพาท) ซึ่งบิดาโจทก์ทำพินัยกรรมยกให้จำเลยทั้งสี่ได้มาในระหว่างบิดามารดาโจทก์อยู่กินด้วยกัน มารดาโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๖ ส่วนบิดาถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หลังจากมารดา โจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์มิได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกับบิดา
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องคดีหลังจากมารดาถึงแก่กรรมแล้ว ๓๐ ปีเศษ คดีจึงขาดอายุความ จำเลยทั้งสี่ เป็นผู้รับพินัยกรรมชอบที่จะใช้สิทธิของบิดาโจทก์ยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา++ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share