คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วันรับฟ้อง ศาลสอบถามคำให้การจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธศาลสอบถามจำเลยถึงเรื่องทนายด้วย จำเลยแถลงว่าจะหาทนายสู้คดีเองการที่จำเลยแถลงเช่นนี้เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดว่า จำเลยไม่ต้องการให้ศาลตั้งทนายให้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยไม่มีทนายและจำเลยไม่ต้องการให้ศาลตั้งทนายให้ เช่นนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะตั้งทนายให้จำเลย แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยในเวลาต่อมา จำเลยจะมิได้ตั้งทนายก็ตาม ศาลย่อมดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ถือว่าการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นเป็นการชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๒ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจมีลำกล้องปืนเล็กแบบ ๘๓ ขนาด ๖.๕ ม.ม. จำนวน ๑ อัน และโครงลูกเลื่อน ลูกเลื่อน โกร่งไกปืน แหนบส่งกระสุนปืนเล็กแบบ ๘๓ ขนาด ๖.๕ ม.ม. อย่างละ ๑ อัน สิ่งของดังกล่าวเป็นส่วนของอาวุธปืนเล็ก (สั้นและยาว) แบบ ๘๓ ขนาด ๖.๕ ม.ม. และเป็นอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง นอกจากนั้นจำเลยยังมีกระสุนปืนขนาด .๓๒ จำนวน ๘ นัด สิ่งของที่จำเลยบังอาจมีไว้ในความครอบครองทั้งหมดนี้จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ก่อนคดีนี้จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ และนำโทษจำคุก ๖ เดือน ที่รอไว้บวกกับโทษในคดีนี้ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ ข้อเคยต้องคำพิพากษาให้รอการลงโทษรับว่าเป็นความจริง จำเลยได้แถลงต่อศาลด้วยว่าจะหาทนายสู้คดีเอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้วางโทษจำคุก ๑ ปี กับนำโทษจำคุก ๖ เดือน ซึ่งศาลรอการลงโทษไว้มารวมกับโทษในคดีนี้ด้วยเป็นโทษจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดเช่นนี้กฎหมายกำหนดโทษไว้จำคุกตั้งแต่๑ ปี ถึง ๒๐ ปี และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓ บัญญัติว่าก่อนเริ่มพิจารณาคดีโทษจำคุกดังกล่าวนี้ให้ศาลถามจำเลยว่าจำเลยมีทนายหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มี และจำเลยต้องการทนาย ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ เมื่อศาลสอบถามคำให้การจำเลยครั้งแรก จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะหาทนายสู้คดีเอง นัดพิจารณาต่อ ๆ มา จนกระทั่งเสร็จสำนวน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทนายแก้ต่างและไม่ปรากฏว่าจำเลยต้องการหรือไม่ต้องการทนายฉะนั้น กระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นดำเนินการมาจึงไม่ชอบ ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเรื่องทนายแก้ต่างจำเลยให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓ ครบถ้วนแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ในวันรับฟ้องศาลสอบถามคำให้การจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยถึงเรื่องทนายด้วย จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะหาทนายสู้คดีเอง การที่จำเลยแถลงเช่นนี้เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดว่าจำเลยไม่ต้องการให้ศาลตั้งทนายให้ ศาลฎีกาเห็นว่าความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓ เป็นเรื่องที่จำเลยไม่มีทนายและจำเลยต้องการทนาย จึงให้ศาลตั้งให้เมื่อจำเลยไม่ต้องการให้ศาลตั้งทนายให้เช่นนี้ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะตั้งทนายให้จำเลยแม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยในเวลาต่อมาจำเลยจะมิได้ตั้งทนายก็ตามศาลย่อมดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ถือว่าการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นเป็นการชอบ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share