คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการจังหวัดสกลนครโจทก์ ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้วขอให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่จังหวัดทหารบกอุดรธานี โดยแถลงว่าจำเลยเข้ารับราชการทหาร เป็นทหารประจำการอยู่ที่นั่น ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุดรจนล่วงเลยเวลามานานแล้ว ไม่ได้รับตอบศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ ๆ ว่าไม่สามารถส่งสำเนาอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยอยู่ในอำนาจของทหาร เช่นนี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้รับตอบจากจังหวัดทหารบก จะถือว่าเป็นกรณีหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับอุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 ยังไม่ถนัด เพราะเรื่องเช่นนี้โจทก์ควรจะได้พยานยามติดต่อกับทางทหารให้ได้ความชัดเจนว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้หรือไม่ อย่างไร เพราะเป็นทางราชการด้วยกัน
ศาลอุทธรณ์ สั่งจำหน่ายคดี เพราะส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ เมื่อปรากฏต่อมาว่า จำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะต้องไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาต่อไปไม่ใช่ฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันฆ่ากระบือ ๑ ตัว ไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ พ.ศ. ๒๔๘๘ มาตรา ๕-๑๑ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๔ -๑๑ และให้จ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งความนำจับด้วย
จำเลยทุกคนรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งแล้วคงปรับจำเลยคนละ ๑๖ บาท บังคับค่าปรับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๙ กับจ่ายค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งโดยหักจากค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษต่ำเกินไป และศาลปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าเท่านั้น ไม่ได้ปรับเรียงตัวผู้ทำผิดเป็นการปรับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ปรากฏว่า ส่งสำเนาอุทธรณ์จึงพิจารณาเฉพาะจำเลยอื่นแล้วพิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยทุกคนนอกจากจำเลยที่ ๔ คนละ ๑๐๐ บาท ลดรับกึ่งคงปรับคนละ ๕๐ บาท ไม่ใช้ค่าปรับให้จัดการประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๙,
๓๐ กับให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำจำนำกึ่งหนึ่งของค่าปรับที่ศาลได้รับชำระ และให้จำหน่ายคดีเกี่ยวแก่จำเลยที่ ๔
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๔ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๑
ศาลฎีกาพิจารณาได้ความว่า เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ขอให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๔ ที่จังหวัดทหารบกอุดรธานี โดยแถลงว่าจำเลยเข้ารับราชการทหาร เป็นทหารประจำการอยู่ที่นั่น ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุดรจนล่วงเลยเวลามานานแล้ว ไม่ได้รับตอบศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ ๆ ว่าไม่สามารถส่งสำเนาอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยอยู่ในอำนาจของทหาร ศาลชั้นต้นจึงสั่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ ๆ สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๔่
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องเช่นนี้โจทก์ควรจะได้พยานยามติดต่อกับทางทหารให้ได้ความชัดเจนว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้หรือไม่ อย่างไร เพราะเป็นทางราชการด้วยกัน เพียงแต่ยังไม่ทันได้รับตอบจาก จังหวัดทหารบก จะว่า จะถือว่าเป็นกรณีหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับอุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๑ ยังไม่ถนัด อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าจำเลยที่ ๔ ได้ไป ขอรับสำเนาอุทธรณ์จากศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่ ๒๘ ก.พ. ๒๕๐๒ แล้ว จึงชอบที่โจทก์จะร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share