แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เหตุคัดค้านการเลือกตั้งข้อ (1) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดหรือเจ้าหน้าที่นับคะแนนผู้ใดนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง หรือรวมคะแนนผิดไปจากความจริง ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อย กับกิ่งอำเภอปางมะผ้ากระทำการดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงการคาดคะเนเอาเองของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสียและลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นบัตรดีนั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าลักษณะของบัตรเสียนั้นเป็นลักษณะเช่นใด เพราะตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 73 ได้กำหนดประเภทของบัตรเสียไว้ถึง 6 ชนิดบัตรเสียที่ผู้ร้องอ้างไม่ปรากฏว่าเป็นบัตรชนิดใดทั้งไม่มีรายละเอียดว่าบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งกรรมการตรวจคะแนนนับเป็นบัตรเสียมีจำนวนเท่าใดและบัตรเสียที่ลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 นับเป็นบัตรดีนั้นมีจำนวนเท่าใด ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 นั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นที่อ้างว่านับให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 นั้นมีจำนวนเท่าใด ผู้สมัครรายอื่นนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใดแน่ ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องในเหตุการณ์แรกนี้จึงเลื่อนลอยและเคลือบคลุม ไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ถูกต้องจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง เหตุคัดค้านการเลือกตั้ง ข้อ (2) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาเช่นกันกล่าวคือ คำร้องมิได้บรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจคะแนนผู้ใดกระทำการดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เพียงแต่อ้างคลุม ๆ มาเช่นกันว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น และมีการอ่านคะแนนผิดความจริงอย่างไรก็ไม่ปรากฏ ตามคำร้องก็ไม่แน่นอนว่าเป็นกรณีที่กรรมการตรวจคะแนนอ่านคะแนนหรือรวมคะแนนผิดความจริงกันแน่ จำนวนคะแนนที่ผู้ร้องอ้างว่าลดลงไปแล้วเพิ่มให้ผู้คัดค้านที่ 2 ก็เป็นแต่เพียงการกะประมาณเอาเองของผู้ร้องเท่านั้น คำร้อง ของ ผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุมเช่นกัน
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอนในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 ได้เครื่องหมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 3 ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพียงคนเดียว แต่มีผู้สมัคร 4 คน เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ประกาศผลการนับคะแนนออกมาว่า ผู้ได้รับการเลือกตั้งได้แก่นายปัญญา จีนาคำ ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้คะแนนรวม 25,402 คะแนนส่วนผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้ง โดยมีคะแนนรวมเป็นอันดับ 2จำนวน 24,705 คะแนน น้อยกว่านายปัญญา จีนาคำ เพียง 697 คะแนนการเลือกตั้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นไปโดยมิชอบในเขตอำเภอแม่ลาน้อยกับกิ่งอำเภอปางมะผ้า เพราะเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนทุกคน ทุกหน่วยเลือกตั้งทั้งสองเขตดังกล่าวได้จงใจช่วยเหลือนายปัญญา จีนาคำด้วยการนับคะแนนและรวมคะแนนให้ผิดไปจากความจริงโดยนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสีย ส่วนบัตรเสียที่ลงคะแนนให้นายปัญญา จีนาคำ นับเป็นบัตรดี อีกทั้งยังนับเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของนายปัญญา จีนาคำ ในการทุจริตดังกล่าวมีประชาชนรวมทั้งตัวแทนของผู้ร้องทักท้วงแล้ว แต่เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งไม่ให้ความสนใจ กลับข่มขู่ตัวแทนของผู้ร้อง นอกจากนี้กรรมการตรวจคะแนนทุกคน ทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อยกับกิ่งอำเภอปางมะผ้ายังจงใจร่วมกันอ่านคะแนนให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนผิดไปจากความจริงตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทุกหน่วย ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปประมาณ 1,000 คะแนน ดังรายละเอียด ตามคำร้องขอแก้ไขคำร้องและทำให้นายปัญญา จีนาคำ ได้คะแนนเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 คะแนน การกระทำดังกล่าวมีผลทำให้นายปัญญา จีนาคำ ได้รับการเลือกตั้ง หากไม่มีการทุจริตผู้ร้องจะต้องได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างแน่นอน ขอให้ศาลมีคำสั่งเปิดหีบเลือกตั้งของเขตอำเภอแม่ลาน้อย กับกิ่งอำเภอปางมะผ้าทั้งหมดเพื่อให้มีการตรวจนับคะแนนกันใหม่ กับมีคำสั่งให้ผลการเลือกตั้งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ให้นายปัญญา จีนาคำ ได้รับการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอนใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนผู้คัดค้านที่ 6 และนายปัญญา จีนาคำ ผู้ได้รับเลือกตั้งผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำคัดค้านมีใจความทำนองเดียวกันว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีผู้ใดกระทำการโดยมิชอบตามคำร้องขอให้ยกคำร้อง
ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนพิเคราะห์คำร้องและคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสองแล้ว เห็นว่า คดีพอทำความเห็นได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนและทำความเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมเห็นควรยกคำร้องและส่งสำนวนมายังศาลฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า กระบวนพิจารณาคดี การคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ปัญหาจึงมีว่าคำร้อง ของ ผู้ร้องเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เหตุที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องที่ 2 ประการ คือ (1) มีการทุจริตทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อยกับกิ่งอำเภอปางมะผ้า โดยกรรมการตรวจคะแนนร่วมกันกระทำการโดยมิชอบช่วยเหลือผู้คัดค้านที่ 2ด้วยการนับคะแนนและรวมคะแนนให้ผิดไปจากความจริง นับบัตรเลือกตั้งลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสีย ส่วนบัตรเสียที่ลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 นับเป็นบัตรดี อีกทั้งยังนับคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2(2) กรรมการตรวจคะแนนทุกคน ทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อยกับกิ่งอำเภอปางมะผ้า ร่วมกันอ่านคะแนนน้อยไปประมาณ 1,000 คะแนน และทำให้ ผู้คัดค้านที่ 2 ได้คะแนนเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 คะแนนจากหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทุกหน่วยในเขตเลือกตั้งดังกล่าว เห็นว่าสำหรับเหตุคัดค้าน ข้อ (1) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดหรือเจ้าหน้าที่นับคะแนนผู้ใดนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนผิดไปจากความจริงผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาว่า กรรมการทุกคน ทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อยกับกิ่งอำเภอปางมะผ้ากระทำการดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงการคาดคะเนเอาเองของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสียและลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2เป็นบัตรดีนั้นผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าลักษณะของบัตรเสียนั้นเป็นลักษณะเช่นใด เพราะตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2529 มาตรา 5ได้กำหนดประเภทของบัตรเสียไว้ถึง 6 ชนิด บัตรเสียที่ผู้ร้องอ้างไม่ปรากฏว่าเป็นบัตรชนิดใดทั้งไม่มีรายละเอียดว่าบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งกรรมการตรวจคะแนนนับเป็นบัตรเสียมีจำนวนเท่าใด และบัตรเสียที่ลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2นับเป็นบัตรดีนั้นมีจำนวนเท่าใด ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 นั้นผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นที่อ้างว่านับให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 นั้นมีจำนวนเท่าใดผู้สมัครรายอื่นนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใดแน่ ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องในเหตุการณ์แรกนี้จึงเลื่อนลอยและเคลือบคลุม ไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ถูกต้องคำร้องของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
สำหรับเหตุคัดค้าน ข้อ (2) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาเช่นกัน กล่าวคือ คำร้องมิได้บรรยายว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจคะแนนผู้ใดกระทำการดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เพียงแต่อ้างคลุม ๆมาเช่นกันว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น และมีการอ่านคะแนนผิดความจริงอย่างไรก็ไม่ปรากฏตามคำร้องก็ไม่แน่นอนว่าเป็นกรณีที่กรรมการตรวจคะแนนอ่านคะแนนหรือรวมคะแนนผิดความจริงกันแน่ จำนวนคะแนนที่ผู้ร้องอ้างว่าลดลงไปแล้วเพิ่มให้ผู้คัดค้านที่ 2 ก็เป็นแต่เพียงการกะประมาณเอาเองของผู้ร้องเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากคำร้องขอแก้ไขคำร้อง ของ ผู้ร้องว่าหลายหน่วยเลือกตั้งมีคะแนนลดลงไปประมาณเพียงหนึ่งหรือสองคะแนนเท่านั้น แสดงว่าเป็นการคาดคะเนและประมาณการของผู้ร้องเองทั้งสิ้น คำร้องของผู้ร้องในส่วนหลังนี้จึงเคลือบคลุมเช่นกัน ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม โดยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ