คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 26 ปีแล้ว เดิมที่ดินพิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นป่ารก เป็นทางน้ำไหลผู้ร้องได้ถมดินถางป่าห. ตาของผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขณะนั้นรู้เห็นก็มิได้ว่ากล่าว ตอนแรกผู้ร้องไม่ทราบว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ใดเพิ่งมาทราบในภายหลัง การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องถือได้ว่าเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ โดยสงบ และเปิดเผย ที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 7761เฉพาะส่วนที่ผู้ร้องครอบครองเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้คัดค้านทั้งสาม จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 7761 ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ประมาณ 50ตารางวา ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้สุด เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องเป็นการครอบครองโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของหรือไม่
ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 7761 ของผู้คัดค้านทั้งสามมาเป็นเวลา 26 ปีแล้ว โดยที่ดินพิพาทอยู่ทางทิศใต้สุดของที่ดินเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา เดิมที่ดินพิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นป่ารก เป็นทางน้ำไหล ผู้ร้องได้ถมดิน ถางป่า นายหย่งเฮงตาของผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขณะนั้นรู้เห็นก็มิได้ว่ากล่าว ตอนแรกผู้ร้องไม่ทราบว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ใดเพิ่งมาทราบในภายหลัง การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ โดยสงบ และเปิดเผย ที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
พิพากษายืน

Share