คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์ โดยพวกขึ้นไปบนเรือนถีบประตูแล้วเข้าห้องไปเก็บเอาทรัพย์ และปลดของที่ตัวเจ้าทรัพย์ไปแล้ว จำเลยซึ่งอยู่ใต้ถุนได้ร้องบอกนางลีเมาะเจ้าทรัพย์ว่า “ลีเมาะ มึงต้องบอกทรัพย์ ๆ ของมึงต้องบอกให้หมดว่าเอาไว้ไหน” เท่านี้ยังไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญ ยังไม่ผิดฐานชิงทรัพย์

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๕,๖ พ.ค.๒๔๙๙ เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวก ๔ คนสมคบกันลักทรัพย์ของนายกาเซ็งและนางสีเมาะ ไปหลายอย่างตามบัญชีท้ายฟ้อง โดยจำเลยใช้วาจาขู่เข็ญว่าจะทำร้ายนางสีเมาะ เพื่อให้เป็นความสดวกในการที่จำเลยกับพวกจะลักทรัพย์ เหตุเกิดที่ตำบลมิตูบูดี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จึงขอให้ลงโทษจำเลย ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๙๘,๒๙๙
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า หลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๙๓ และ ๕๙ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี ๔ เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยร้องบอกมาจากใต้ถุนว่า “สีเมาะ มึงต้องบอกทรัพย์ ๆ ของมึงต้องบอกให้หมดว่าเอาไว้ที่ไหน” นางสีเมาะบอกว่าไม่มี ทั้งก่อนที่จำเลยได้ร้องบอกชึ้นมาดังกล่าวนั้น คนร้ายได้ช่วยกันเอาทองรูปพรรณของแต่งตัวไปจากนางสีเมาะแล้ว เช่นนี้ ไม่พอฟังว่าจำเลยได้ใช้กำลังกายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายนางสีเมาะอันจะเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share