คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับผู้ร้องต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยแต่ต่างศาลกัน โจทก์ฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดอุดรธานีแล้วบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยซึ่งมีอยู่ในเขตศาลจังหวัดราชบุรี ผู้ร้องฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดราชบุรี เมื่อปรากฏว่าศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีเมื่อวันสุดท้ายแห่งการขอเฉลี่ยตามสำนวนที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ ปรากฏว่า จากวันฟ้องถึงวันที่ศาลพิพากษาก็เป็นเวลาสองเดือนกับสองวัน เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ผู้ร้องไม่มีเวลาพอที่จะไปยื่นคำร้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ดังนี้ ผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ยต่อศาลจังหวัดราชบุรีในกรณีเหตุฉุกเฉินตามมาตรา 10 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ศาลสั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งให้รับคำร้องขอเฉลี่ยไว้พิจารณาต่อไปนั้น กรณียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งผู้ร้องยังโต้แย้งคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีไม่ยอมรับคำร้องของผู้ร้อง ยังหาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ย โดยเหตุที่ยื่นไม่ทันกำหนดแต่ประการใดไม่ เรื่องจึงยังไม่ต้องด้วยมาตรา291 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบัญญัติให้ขอจากเงินเหลือจ่าย

ย่อยาว

คดีนี้ จำเลยทั้งสองแพ้คดีรวมทั้งสองสำนวน ๆ แรกของศาลจังหวัดอุดรธานี นางละมุนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ได้ขอบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาด ศาลจังหวัดอุดรธานีขอให้ศาลจังหวัดราชบุรียึดและขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยแทน เพราะทรัพย์ของจำเลยอยู่ในเขตศาลจังหวัดราชบุรี ศาลจังหวัดราชบุรีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยแล้วส่วนสำนวนที่สอง นางสาวลำภูศรี ได้เป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดราชบุรีนางสาวลำภูศรีโจทก์ในคดีหลังยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าศาลจังหวัดราชบุรีเพิ่งพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2502 ดังนั้นวันสุดท้ายแห่งการขอเฉลี่ยจึงเป็นวันที่ผู้ร้องชนะคดี ผู้ร้องไม่สามารถขอเฉลี่ยทางศาลจังหวัดอุดรธานีได้ทัน เพราะห่างไกลกันมากขอให้ศาลจังหวัดราชบุรีสั่งรับคำร้องเพื่อศาลจังหวัดอุดรธานีจะได้พิจารณาต่อไปตามมาตรา 10 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ศาลจังหวัดราชบุรีสั่งคำร้องของนางสาวลำภูศรีว่า โจทก์ชอบที่จะยื่นตรงต่อศาลจังหวัดอุดรธานีซึ่งเป็นศาลเจ้าของสำนวน โจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลนี้ได้เมื่อมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 กรณีโจทก์ไม่ต้องด้วยวิธีพิจารณาดังกล่าว ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องมีเหตุความจำเป็น นับว่าเป็นเหตุสุดวิสัย พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับคำร้องของนางสาวลำภูศรีไว้พิจารณาต่อไป

นางละมุนโจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสำนวนที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ปรากฏว่า จากวันฟ้องถึงวันที่ศาลพิพากษาเป็นเวลา 2 เดือนกับ 2 วัน เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ผู้ร้องไม่มีเวลาพอจะไปยื่นคำร้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานีนับว่าผู้ร้องมีเหตุผลความจำเป็นอันจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10

ส่วนเรื่องมาตรา 291 ที่โจทก์กล่าวมาในฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่ากรณียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งผู้ร้องยังโต้แย้งคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีไม่ยอมรับคำร้องของผู้ร้อง ยังหาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยโดยเหตุที่ยื่นไม่ทันกำหนดแต่ประการใดไม่เรื่องจึงยังไม่ต้องด้วยมาตรา 291 ซึ่งบัญญัติให้ขอจากเงินเหลือจ่าย

พิพากษายืน

Share