คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12534/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ พ. มีเจตนาที่จะกระทำความผิดทางอาญาโดยร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงสั่งซื้อและชำระเงินจำนวน 7,000 บาท ให้แก่ จ. ผู้ขาย แต่ จ. ยังไม่สามารถส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้เพราะยังไม่มี จึงผัดว่าจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้ในภายหลัง โดย จ. จะนำแมทแอมเฟตมีนตามีนไปซุกซ่อนไว้ที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าที่จำเลยกับ พ. เคยไปรับแมทแอมเฟตามีนกันมาก่อน จำเลยจึงลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว และการที่ จ. ได้นำเมทแอมเฟตามีนที่สั่งซื้อไว้ไปซุกซ่อนที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าและโทรศัพท์มาแจ้งแก่จำเลยกับ พ. ให้จำเลยกับ พ. ไปเอาได้ เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยกับ พ. ไปยังสถานที่ดังกล่าวและยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 60 เม็ด ที่ซุกซ่อนไว้เป็นของกลาง ถือว่าการส่งมอบแมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยกับ พ. มีผลสมบูรณ์เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่ จ. แจ้งให้จำเลยกับ พ. ทราบว่าได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปซุกซ่อนที่มาตรวัดน้ำประปานั้นแล้ว แม้ขณะที่ จ. แจ้งให้ทราบนั้น จำเลยกับ พ. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ ก็ไม่มีผลทำให้จำเลยกับ พ. ไม่สามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 83, 91 บวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 265/2546 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษ รวมจำคุก 4 ปี 30 เดือน และปรับ 266,666 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2546 ร้อยตำรวจเอกจิตติพงษ์ กับจ่าสิบตำรวจอำนาจ และพวกร่วมกันวางแผนล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายเจตนพันธ์ และสามารถจับกุมนายเจตนพันธ์ได้ นายเจตนพันธ์พาไปจับกุมจำเลยซึ่งอยู่ที่ห้องพักในเสริมพรอพาร์ตเมนต์ พบจำเลยกับนางสาวขวัญหทัย อยู่ในห้อง ตรวจค้นพบอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีน จึงควบคุมตัวไปสอบสวน จำเลยและนายเจตนพันธ์ให้การทำนองเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2546 เวลาประมาณ 7 นาฬิกา จำเลยซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายโจ จำนวน 16 เม็ด แต่ยังไม่ได้ชำระเงิน จำเลยจำหน่ายให้นางสาวจิติมา 13 เม็ด ในราคา 1,850 บาท เวลา 11 นาฬิกา จำเลยรวบรวมเงินได้ 7,000 บาท แล้วมอบให้นายเจตนพันธ์ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายโจ นายเจตนพันธ์มอบเงิน 7,000 บาท ให้นายโจแล้ว แต่นายโจยังไม่มีเมทแอมเฟตามีนจึงบอกว่าจะนัดส่งเมทแอมเฟตามีนให้ในภายหลัง จนกระทั่งเวลาประมาณ 1 นาฬิกา ของวันที่ 12 พฤษภาคม 2546 ขณะที่จำเลยและนายเจตนพันธ์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ นายโจโทรศัพท์มาที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยและบอกว่าได้นำเมทแอมเฟตามีนไปซ่อนไว้ที่มาตรวัดน้ำที่บริเวณบันไดหน้าบ้านเช่าในเขตตลาดบ้านคลองที่จำเลยกับนายเจตนพันธ์เคยไปรับเมทแอมเฟตามีนมาก่อน ร้อยตำรวจเอกจิตติพงษ์กับพวกจึงนำนายเจตนพันธ์กับจำเลยไปที่บ้านเช่าดังกล่าวและพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 60 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.938 กรัม ซ่อนอยู่ที่หลุมใกล้มาตรวัดน้ำ ชั้นจับกุมแจ้งข้อหาจำเลยกับนายเจตนพันธ์ว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งสองให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยกับนายเจตนพันธ์ว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยให้การปฏิเสธ นายเจตนพันธ์ให้การรับสารภาพ
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับนายเจตนพันธ์มีเจตนาที่จะกระทำความผิดทางอาญาโดยร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงสั่งซื้อและชำระเงินจำนวน 7,000 บาท ให้แก่นายโจผู้ขาย แต่นายโจยังไม่สามารถส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้เพราะยังไม่มี จึงผัดว่าจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้ในภายหลัง ซึ่งตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า นายโจจะนำเมทแอมเฟตามีนไปซุกซ่อนไว้ที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าที่จำเลยกับนายเจตนพันธ์เคยไปรับเมทแอมเฟตามีนกันมาก่อน ดังนี้ เห็นได้ว่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว และการที่นายโจได้นำเมทแอมเฟตามีนที่สั่งซื้อไว้ไปซุกซ่อนที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าและได้โทรศัพท์มาแจ้งแก่จำเลยกับนายเจตนพันธ์ให้จำเลยกับนายเจตนพันธ์ไปเอาได้ เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยกับนายเจตนพันธ์ไปยังสถานที่ดังกล่าวและยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 60 เม็ด ที่ซุกซ่อนไว้เป็นของกลาง ถือว่า การส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยกับนายเจตนพันธ์มีผลสมบูรณ์เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่นายโจแจ้งให้จำเลยกับนายเจตนพันธ์ทราบว่าได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปซุกซ่อนไว้ที่มาตรวัดน้ำประปานั้นแล้ว แม้ขณะที่นายโจแจ้งให้ทราบนั้น จำเลยกับพวกถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ ก็ไม่มีผลทำให้จำเลยกับพวกไม่สามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้แต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยแก้ฎีกาว่า จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้โทรศัพท์นัดหมายนายโจให้มาส่งเมทแอมเฟตามีนของกลางนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงข้อนี้จำเลยมิได้นำสืบต่อสู้คดีไว้ ทั้งมิได้ยกขึ้นถามค้านพยานโจทก์ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวน 60 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.938 กรัม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้มา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 16 เดือน และปรับ 266,666 บาท บวกโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 265/2546 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ รวมจำคุก 2 ปี 22 เดือน และปรับ 266,666 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินหนึ่งปี แต่ไม่เกินสองปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share