คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการทำสัญญาเช่าห้อง ผู้เช่าออกเงินให้ผู้ให้เช่า 5,000 บาท ในสัญญาเช่ากล่าวถึงว่าเป็นเงินค่าก่อสร้างค่าแป๊ะเจี๊ยะ เมื่อคดีได้ความว่าในขณะทำสัญญานี้ ผู้ให้เช่ามีห้องพร้อมอยู่แล้วไม่จำต้องก่อสร้างขึ้นแต่อย่างใด ดังนี้ เงินที่ผู้เช่าออกไปนั้นจึงไม่ใช่เงินค่าก่อสร้าง คงเป็นเงินกินเปล่าตามธรรมดา สัญญาเช่าจึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดาไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน
สัญญาเช่าที่ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน เมื่อกำหนดระยะเวลาเช่าได้ 10 ปีโดยไม่ได้จดทะเบียนการเช่านั้น คงบังคับกันได้เพียง 3 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องมีข้อความว่า โจทก์เป็นเจ้าของห้องแถวซึ่งจำเลยเช่าอยู่ ๑ ห้อง โดยโจทก์ซื้อมาจากนายหงิ่น สิริศักดิ์ จำเลยเช่าห้องนี้เพื่อการค้าก่อนโจทก์ซื้อ โจทก์ประสงค์จะเข้าอยู่เอง ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยก็ไม่ยอม ขอให้ศาลบังคับ และเรียกค่าเสียหายเดือนละ ๒๐๐ บาท จนกว่าจะออก
จำเลยให้การว่า จำเลยได้เช่าห้องจากนายหงิ่น ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๙๗ มีกำหนด ๑๐ ปี โดยได้ออกเงินค่าสร้างห้องเป็นจำนวน ๕,๐๐๐ บาท จำเลยยินดีชำระค่าเช่าเสมอแต่นายหงิ่นไม่ยอมรับ นายหงิ่นกับโจทก์เป็นพี่น้องกันสมคบกันโดยไม่สุจริต เพื่อขับไล่จำเลย โจทก์ทราบดีว่าห้องพิพาทมีสัญญาเช่าผูกพันอยู่ โจทก์ต้องผูกพันให้จำเลยเช่าต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับนายหงิ่นเป็นสัญญาต่างตอบแทน มิใช่สัญญาเช่าธรรมดา ย่อมมีผลผูกพันโดยมิต้องจดทะเบียน แม้จะเช่าห้องนี้เกิน ๓ ปี และฟังว่า โจทก์ซื้อห้องพิพาทนี้มาโดยไม่สุจริต จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในการทำสัญญาเช่าห้องพิพาท จำเลยได้เสียเงินให้นายหงิ่น ๕,๐๐๐ บาท ตามสัญญากล่าวถึงว่าเป็นค่าก่อสร้างค่าแป๊ะเจี๊ยะ แม้กระนั้นก็ตาม ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าเงินนี้หาใช่เงินค่าก่อสร้างไม่ แต่เป็นเงินแป๊ะเจี๊ยะธรรมดานั่นเอง เพราะการเช่ารายนี้ผู้ให้เช่ามีห้องพร้อมอยู่แล้ว หาได้มีการก่อสร้างขึ้นแต่อย่างใด สัญญาเช่ารายนี้จึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดาโดยเรียกเงินกินเปล่าในขณะทำการเช่ากันนั่นเอง จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน ฎีกาที่ ๔๐๘-๔๑๐/๒๕๐๑ รูปคดีไม่ตรงกัน เมื่อการเช่านี้กำหนดไว้ ๑๐ ปี โดยไม่จดทะเบียน จึงใช้ได้เพียง ๑ ปี ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
แต่ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์รับโอนห้องพิพาทจากนายหงิ่นมาไม่ใช่โดยการซื้อขายกินจริง จังเป็นการสมยอมเพื่อหาทางขับไล่จำเลย สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนในผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share