แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องอ้างกฎหมายอาญา ม.159 มาขอให้ลงโทษจำเลย ศาลจะลงโทษจำเลยตามมาตรา 158 ซึ่งเป็นบทที่หนักกว่ามิได้และกรณีเช่นนี้ไม่เข้าใน ม.192 วรรค 4 แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา รอการลงอาญา
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยกับพวกไปจับ ม.ฐานลักลอบสูบฝิ่นแล้วเลยจับโจทก์ทั้ง ๓ มาด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริง และจำเลยทั้ง ๔ คนได้ไปให้การที่อำเภอในชั้นสอบสวนว่าได้เห็นโจทก์สูบฝิ่น อัยยการจึงฟ้องโจทก์เป็นจำเลย จำเลยที่ ๓ และ ๔ ยังได้สาบานตัวเบิกความเท็จต่อศาลว่าได้เห็นโจทก์สูบฝิ่นอีกด้วย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมายอาญา ม.๑๕๙ ฐานร้องเรียนเท็จจำเลยที่ ๒-๓ และ ๔ ฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๑๑๘ กะทงหนึ่ง ลงโทษจำเลยที่ ๓-๔ ฐานเบิกความเท็จตาม ม.๑๕๖ อีกกะทงหนึ่ง ข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอสิสระภาพให้ยกเสีย แต่ให้รอการลงอาญาจำเลยทุกคนไว้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๔ คนตาม ม.๑๕๘ และไม่ให้รอการลงอาญา นอกนั้นยืนตาม
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๙ หาได้ขอให้ลงโทษตาม ม.๑๕๘ ไม่ ฉะนั้นศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๘ ซึ่งเป็นบทที่หนักว่า ม.๑๕๙ มิได้ และจะอ้างว่าเป็นการอ้างฐานหรือบทมาตราผิดตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๒ วรรค ๔ มิได้ดั่งนัยฎีกาที่ ๒๒๐/๒๔๗๙ ส่วนข้อที่จำเลยขอให้รอการลงอาญานั้นตามพฤตติการณ์เห็นว่าไม่ควรรอ จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ที่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๕๘ เป็นมาตรา ๑๕๙ เสียนอกนั้นยืนตามทุกประการ