คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอ้างต่อนาย พ. ว่า นายร้อยตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนใช้ให้ไปเรียกเงินจากนาย ป. เพื่อล้มคดีโดยพนักงานสอบสวนผู้นั้นจะปล่อยญาติของนาย ป. กับพวกซึ่งต้องหาคดีฐานฆ่าคนตาย ต่อมานาย ป. ได้นำเงินมามอบให้จำเลยและจำเลยยังได้กล่าวยืนยันต่อนาย ป. ว่าพนักงานสอบสวนต้องการเงินเพื่อจะได้ปล่อยญาติของนาย ป.กับพวก ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้ใดใช้ให้จำเลยไปเรียกเงินหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเรียกทรัพย์สินสำหรับผู้อื่น โดยพูดกับนายพุฒว่า เรื่องนายชาญกับพวกที่ถูกขังต้องหาฆ่าคนตายนั้นผู้บังคับกองเป็นพนักงานสอบสวนใช้ให้มาบอกนายปั่นพี่ชายนายชาญว่าถ้าจะปล่อยนายชาญกับพวกออก ต้องเอาเงินไปให้ 4,000 บาท เพื่อล้มคดีผู้กองให้มาเอาเงินก่อน 2,000 บาท เพราะจะไปกรุงเทพฯ กลับมาค่อยเอาอีก 2,000 บาท นั้น วันพุธหน้าจะปล่อยทันที ขอให้นายพุฒไปบอกนายปั่นด้วย ถ้าตกลงให้เอาเงินไปให้พรุ่งนี้ ทั้งนี้เป็นการเรียกเงินจากนายปั่นต่อนายพุฒสำหรับนายร้อยตำรวจเอกศุลีเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยที่ 1 จะจูงใจหรือได้จูงใจนายร้อยตำรวจเอกศุลีพนักงานสอบสวนด้วยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมายและโดยอิทธิพลของจำเลยให้กระทำการตามหน้าที่อันเป็นคุณเพื่อล้มคดีช่วยเหลือปล่อยตัวนายชาญกับพวกพ้นข้อหาไป

ต่อมาวันรุ่งขึ้น นายปั่นได้นำเงิน 2,000 บาท ไปมอบให้จำเลยที่ 1 และจำเลยทั้งสองได้สมคบกันเรียกและรับเงินจากนายปั่น โดยจำเลยที่ 1 พูดว่า นายร้อยตำรวจเอกศุลีต้องการเงิน 4,000 บาท ต้องการ 2,000 บาทก่อน กลับจากกรุงเทพฯ วันพุธจะปล่อยตัวนายชาญกับพวก และจำเลยที่ 2 ได้พูดว่า ผู้บังคับกองได้สั่งไว้เช่นนั้นจริง ท่านต้องการเงิน 2,000 บาทก่อน กลับจากกรุงเทพฯค่อยเอาอีก 2,000 บาท แล้วจะปล่อยตัวนายชาญกับพวก นายปั่นหลงเชื่อจึงมอบเงิน 2,000 บาท ให้จำเลยทั้งสองไป ทั้งนี้ นายร้อยตำรวจเอกศุลีไม่เคยใช้ให้จำเลยไปติดต่อเรียกเงินดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงตนเป็นผู้สนิทชิดชอบกับนายร้อยตำรวจเอกศุลี ทำการเรียกและรับเงินจากนายปั่นสำหรับตนเองเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จงใจให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยวิธีทุจริตผิดกฎหมายและโดยอิทธิพลของจำเลยให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณเพื่อล้มคดีช่วยเหลือปล่อยตัวนายชาญกับพวกพ้นข้อหาไป

ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143, 83, 91

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองได้อ้างว่านายร้อยตำรวจเอกศุลีใช้ให้เรียกเงินจากนายปั่นโดยอ้างว่าสนิทชิดชอบกับนายร้อยตำรวจเอกศุลีพนักงานสอบสวนเพื่อให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีปล่อยตัวนายชาญกับพวกซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายและเห็นว่าจำเลยได้รับทรัพย์สินสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจนายร้อยตำรวจเอกศุลีเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของตนให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีกระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่นายชาญกับพวกผู้ต้องหา การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ความผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้ใดใช้ให้จำเลยไปเรียกเงินหรือไม่ ฯลฯ พิพากษายืน

Share