คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาโจทก์ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทและทรัพย์สมบัติอื่นให้โจทก์คนเดียว บุตรคนอื่นรวมทั้งจำเลยไม่ได้ เพราะมารดาโจทก์จำเลยต้องการให้โจทก์ได้คนเดียวเช่นนี้เท่ากับจำเลยและบุตรอื่นถูกตัดจากมรดกของมารดาตามมาตรา 1608 วรรคท้ายเสียแล้วจึงมิได้อยู่ในฐานะเป็นทายาทฉะนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องว่าเข้ารบกวนการครอบครองที่พิพาทจะยกอายุความมรดก 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องอยู่ตำบลคลองน้อยอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นของนางทองอิ่ม ทรัพย์อุปการฯทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ปรากฏตามสำเนาพินัยกรรมท้ายฟ้อง เมื่อนางทองอิ่มวายชนม์ โจทก์ได้เข้าทำนามา เมื่อมิถุนายน ถึงพฤศจิกายน 2497 จำเลยได้เข้าแย่งทำนา โจทก์จึงฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีดำ 50/2498 ของศาลจังหวัดปากพนัง จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายและค่าฤชาธรรมเนียมบัดนี้จำเลยกลับมาแย่งทำนาอีก ทำให้โจทก์ทำนาไม่ได้และเสียหาย จึงมาฟ้องให้ศาลบังคับ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่มีปัญหามาถึงศาลฎีกามีว่าโจทก์มิได้เข้าครอบครองที่ที่ได้ตามพินัยกรรมใน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความจึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 จะยกขึ้นต่อสู้ได้แต่โดยบุคคลซึ่งเป็นทายาทหรือบุคคลที่ชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทหรือโดยผู้จัดการมรดกนางสุกจำเลยแม้เป็นบุตรและเป็นทายาทโดยธรรมของนางอิ่ม แต่นางอิ่มได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้โจทก์ผู้เดียว ต้องถือว่านางสุกจำเลยถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 จำเลยจึงไม่มีสิทธิแห่งทายาทเหลืออยู่ในทรัพย์สินที่เป็นมรดก จำเลยจะอ้างอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มายันโจทก์ไม่ได้ พิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปเพื่อกำหนดค่าเสียหาย

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share