คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลว่าโจทก์ยอมตกลงให้จำเลยใช้สิทธิอาศัยและเก็บกินในที่บ้านและสวนรายหนึ่งตลอดชีวิตของจำเลย โดยโจทก์จะไม่เกี่ยวข้องต่อไป จำเลยก็ยอมตกลงว่าจะใช้สิทธิอาศัยและเก็บกินตลอดไปโดยไม่ละทิ้ง ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยละทิ้งบ้านพิพาทไป โจทก์จำเลยจึงตกลงกันอีกว่า ถ้าจำเลยละทิ้งบ้านเรือนพิพาทไม่รักษาดูแลอย่างวิญญูชนแล้ว จำเลยยอมคืนบ้านพิพาทและสวนให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อจำเลยละทิ้งบ้านพิพาทจนทรุดโทรมเสียหายไม่เคยทำการซ่อมแซมเลย โจทก์ก็ยอมมีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้คืนทรัพย์พิพาทได้เพราะโจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามข้อตกลงที่ทำกันภายหลัง อันเป็นสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ต่างหากจากสัญญาปรานีประนอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยใช้สิทธิอาศัยและเก็บกินในที่บ้านไปตลอดชีวิตต่อมาจำเลยละทิ้งบ้านเรือนไป โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว โจทก์จำเลยจึงตกลงกันอีกว่า จำเลยจะยอมเข้าอยู่ในบ้านรายนี้โดยไม่ละทิ้งต่อไป และจะซ่อมแซมรักษาตามสมควรด้วย หากจำเลยฝ่าฝืนไม่รักษาทรัพย์สมบัติอย่างวิญญูชนต่อไป จำเลยยอมคืนบ้านและสวนให้โจทก์ นับแต่วันตกลงกันแล้ว จำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงไม่ ละทิ้งบ้านเรือนจนทรุดโทรมเสียหาย ไม่เคยทำการซ่อมแซม ฯลฯ จึงขอให้จำเลยคืนทรัพย์พิพาทให้โจทก์
จำเลยต่อสู้หลายประการ และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้ต่อศาล จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนทรัพย์พิพาทให้โจทก์ โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้บังคับตามคำพิพากษาท้ายยอมลงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๐ หากโจทก์อาศัยตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามรายงานพิจารณาของศาลลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๙๑ โจทก์อ้างมูลฐานอันนี้มาฟ้องคดีตามข้อตกลง อันเป็นสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ต่างหากจากสัญญาชปรานีประนอม และโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาโดยแจ้งชัด ฉะนั้นโจทก์จึงฟ้องได้
ส่วนข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ละทิ้งบ้านเรือนอันเป็นเหตุให้โจทก์เรียกเรือนพิพาทคืนได้ จึงพิพากษายืน

Share