แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การรับว่าจำเลยดำเนินการเพิกถอนชื่อโจทก์กับพวกออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้วใส่ชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทชุดเดิมกลับเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้งโดยไม่ปรากฏว่าเป็นการทำแทนบริษัท จึงเป็นการทำโดยพลการ โจทก์ไม่จำต้องฟ้องบริษัทเข้าเป็นจำเลยด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
แม้โจทก์จะมิได้ระบุหนังสือแจ้งการแก้ไขการลงทุนเอกสารหมาย จ.15 ไว้ในบัญชีระบุพยาน แต่โจทก์ก็ได้นำเอกสารดังกล่าวมาประกอบการถามติงในการสืบตัวโจทก์อันเป็นการสืบพยานโจทก์ปากแรกซึ่งจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 มีโอกาสอย่างเต็มที่ในการที่จะนำพยานมาสืบหักล้าง ประกอบกับจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 ก็อ้างมาตลอดว่าหุ้นเป็นของจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 มิใช่ของโจทก์และจำเลยไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือพนักงานของบริษัท ด. แต่อย่างใด เช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) ส่วนที่ว่าเอกสารหมาย จ.15 เป็นเพียงสำเนานั้น เห็นว่า เอกสารดังกล่าวได้มีการจัดทำในต่างประเทศทั้งต้นฉบับก็มิได้อยู่ในความครอบครองของโจทก์ พยานเอกสารดังกล่าวเป็นพยานสำคัญที่จะพิสูจน์ถึงผู้มีสิทธิในหุ้นของบริษัท ซ. กรณีจึงจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงนำสืบสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2) นอกจากนี้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โจทก์ก็ดำเนินการขอให้บริษัท ด. จัดทำหนังสือรับรองความมีอยู่จริงของสำเนาเอกสารหมาย จ.15 มาประกอบการพิจารณาของศาลด้วยแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังเอกสารหมาย จ.15 มานั้น ชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยเพิกถอนสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2548 ให้จำเลยจัดทำสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นใหม่ โดยให้โจทก์ถือหุ้น 75,200 หุ้น คือหุ้นหมายเลขที่ 000001 ถึง 075200 ตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ให้จำเลยจดแจ้งลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทเทฮัน เทค จำกัด ว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้น 75,200 หุ้น คือหุ้นหมายเลข 000001 ถึง 075200 หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดทั้งสามยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดทั้งสามเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)
ผู้ร้องสอดทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ยกฟ้อง และขอให้ศาลพิพากษาว่า หุ้นของบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทเทฮัน เทค จำกัด หมายเลขที่ 26001 ถึง 36800 เป็นของผู้ร้องสอดที่ 1 หุ้นหมายเลขที่ 36801 ถึง 47600 เป็นของผู้ร้องสอดที่ 2 และหุ้นหมายเลขที่ 47601 ถึง 58400 เป็นของผู้ร้องสอดที่ 3 ห้ามโจทก์และจำเลยยุ่งเกี่ยวหรือดำเนินการใด ๆ ในหุ้นของผู้ร้องสอดทั้งสาม
โจทก์ จำเลยยื่นคำให้การแก้คำร้องสอดขอให้ยกคำร้องสอด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและยกคำร้องของผู้ร้องสอดทั้งสามค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ของบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทเทฮัน เทค จำกัด ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2548 ให้จำเลยจัดทำสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นใหม่ โดยให้โจทก์ถือหุ้น 75,200 หุ้น คือหุ้นหมายเลข 000001 ถึง 075200 ตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ให้จำเลยจดแจ้งเปลี่ยนแปลงลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทเทฮัน เทค จำกัด ให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้น 75,200 หุ้น คือหุ้นหมายเลข 000001 ถึง 075200 หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยและผู้ร้องสอดทั้งสามกับพวกร่วมกันก่อตั้งบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด มีจำเลยเป็นกรรมการ จำนวนหุ้นทั้งหมด 80,000 หุ้น ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ร้องสอดทั้งสามโดยให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้น 75,200 หุ้น ต่อมาวันที่ 29 มิถุนายน 2548 จำเลยดำเนินการจดแจ้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นและจำนวนหุ้นในบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด จากชื่อโจทก์มาเป็นของผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ร้องสอดทั้งสามตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น และจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทเทฮัน เทค จำกัด โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในความผิดฐานยักยอกหุ้นของโจทก์ในบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอก ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5342/2550 ของศาลชั้นต้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 ประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จำเลยให้การรับว่า จำเลยดำเนินการเพิกถอนชื่อโจทก์กับพวกออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้วใส่ชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทชุดเดิมกลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง โดยไม่ปรากฏว่าเป็นการทำแทนบริษัทจึงเป็นการทำโดยพลการ โจทก์ไม่จำต้องฟ้องบริษัทเข้าเป็นจำเลยด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังสำเนาเอกสารนั้น ชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้ระบุหนังสือแจ้งการแก้ไขการลงทุน ไว้ในบัญชีระบุพยาน แต่โจทก์ก็ได้นำเอกสารดังกล่าวมาประกอบการถามติงในการสืบตัวโจทก์อันเป็นการสืบพยานโจทก์ปากแรกซึ่งจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 มีโอกาสอย่างเต็มที่ในการที่จะนำพยานมาสืบหักล้าง ประกอบกับจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 ก็อ้างมาตลอดว่าหุ้นดังกล่าวเป็นของจำเลยและผู้ร้องสอดที่ 3 มิใช่ของโจทก์และจำเลยไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือพนักงานของบริษัทแดซอง โกออบ จำกัด แต่อย่างใด เช่นนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) ส่วนที่ว่า เป็นเพียงสำเนานั้น เห็นว่า เอกสารดังกล่าวได้มีการจัดทำในต่างประเทศทั้งต้นฉบับก็มิได้อยู่ในความครอบครองของโจทก์ พยานเอกสารดังกล่าวเป็นพยานสำคัญที่จะพิสูจน์ถึงผู้มีสิทธิในหุ้นของบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด กรณีจึงจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงนำสืบสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (2) นอกจากนี้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โจทก์ก็ดำเนินการขอให้บริษัทแดซอง โกออบ จำกัด จัดทำหนังสือรับรองความมีอยู่จริงของสำเนา มาประกอบการพิจารณาของศาลด้วยแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟัง มานั้น จึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 75,200 หุ้น และให้จำเลยในฐานะกรรมการบริษัทดำเนินการให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแด ซึง เกาหลี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทเทฮัน เทค จำกัด ในจำนวนดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยและผู้ร้องสอดทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ