คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลยก่อนนั้นนับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยชักหลาวออกมาไล่ทำร้ายและแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้หลาวปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายโสภณหรือจ้อย เจริญศักดิ์เป็นบาดแผลสาหัส โดยจำเลยมีเจตนาฆ่านายโสภณหรือจ้อยตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยทำร้ายในวันนั้นเองขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

จำเลยให้การว่า ได้ใช้หลาวแทงนายจ้อยเพื่อป้องกันชีวิตพอสมควร

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยถูกยั่วโทสะพิพากษาว่ามีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 55 ให้จำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือนลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 58 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน หลาวของกลางริบ

โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีได้ความว่า ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลย นับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว จำเลยได้บันดาลโทสะขึ้นมาได้ชักหลาวออกมาถือผู้ตายมีความกลัวผละหนีไป จำเลยกลับเป็นผู้ไล่ทำร้ายผู้ตายและเมื่อไล่ไปทัน ก็ได้ใช้หลาวแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยในตอนนี้จะอ้างว่าทำด้วยความจำเป็นเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่ จำเลยได้กระทำไปเพราะความโกรธมากกว่า เห็นว่าการกระทำของจำเลยเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น

อนึ่ง ถึงแม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้

พิพากษายืน

Share