คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12412/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ในการไต่สวนคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานผู้ร้องได้ 1 ปากและผู้ร้องอ้างส่งพยานเอกสาร 4 ฉบับ แล้วเห็นว่าสามารถวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนและให้นัดฟังคำสั่งหลังจากนั้นอีกหลายวัน โดยศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีดังนี้ คำสั่งที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากคู่ความฝ่ายใดต้องการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2) เมื่อผู้จัดการมรดกมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางอัสนีย์ ผู้รับมอบอำนาจของนายประยูร เป็นผู้จัดการมรดกของนางอังคณา ผู้ตาย
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้มีคำสั่งถอนนางอัสนีย์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทน
ผู้จัดการมรดกยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนนางอัสนีย์ ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของอังคณา ผู้ตาย และให้ตั้งนางสาวประภาวดี ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางอังคณา ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้จัดการมรดกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้จัดการมรดกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้จัดการมรดกว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้จัดการมรดกที่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าในการไต่สวนคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2544 ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนพยานผู้ร้องได้ 1 ปากและผู้ร้องอ้างส่งพยานเอกสาร 4 ฉบับ แล้วศาลชั้นต้นเห็นว่าสามารถวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และให้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 29 พฤษภาคม 2544 ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวน แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากคู่ความฝ่ายใดต้องการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) เมื่อผู้จัดการมรดกมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้จัดการมรดกข้อนี้ชอบแล้ว ฎีกาของผู้จัดการมรดกฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share